
15 กันยายน 2566 เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เร่งเก็บสายบัวที่ปลูกไว้ในนาพื้นที่กว่า 4 ไร่ ริมถนนสายทางพระ-คำหยาด เพื่อส่งขายให้กับพ่อค้าในตลาดอ่างทองที่จะเดินทางมารับซื้อถึงที่นา หลังเกษตรกรรายนี้ปรับเปลี่ยนจากนาข้าวที่ประสบปัญหาในเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงรวมถึงปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบทุกปี จึงตัดสินใจเปลี่ยนนาข้าวมาปลูกบัวสายซึ่งลงทุนน้อยกว่าแต่สามารถเก็บเกี่ยวผลิตได้ถึง 2 ปีต่อการลงทุน 1 ครั้ง
ป้านิด หรือนางสมนิด อายุ 56 ปี เล่าว่า ตนเองปลูกนาบัวโดยใช้พื้นที่ 4 ไร่ 1 งานลงทุนนำพันธุ์บัวสายเกษตรลงปลูกในแปลงนา ซึ่งใช้เงินประมาณหมื่นกว่าบาท และเมื่อบัวสายโตเต็มวัยก็สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 2 ปี แต่ละวันก็จะสามารถเก็บได้ประมาณ 50 กิโลกรัม โดยจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้านในราคากิโลกรัมละ 14-15 บาท แต่ละวันก็จะมีรายได้ 700-750 บาท สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวถึงเดือนละกว่า 20,000 บาท
"หากเปรียบกับการปลูกข้าวที่ต้นทุนสูง การปลูกบัวสายก็สร้างรายได้ให้มากกว่า เพราะลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียวก็อยู่ถึง 2 ปี ส่วนปัญหาที่พบส่วนใหญ่ก็เป็นในเรื่องของนกปากห่างที่จะมากัดกินต้นบัว รวมถึง หนอนที่เป็นศัตรูของบัวแต่ก็พบน้อยมาก" ป้านิด กล่าว
สำหรับบัวสาย เป็นไม้น้ำอายุหลายปี เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของไทย มีเหง้าอยู่ใต้ดินรากฝักอยู่ในโคลนเลน ก้านอยู่ใต้น้ำ ส่วนก้านดอกอ่อนมีเปลือกลอกออกได้เป็นสายใย ผิวเกลี้ยงและไม่มีหนาม เจริญเติบโตได้ในดินเหนียวที่มีอินทรียวัตถุสูง และเจริญเติบโตได้ดีในระดับน้ำลึกประมาณ 0.3-1 เมตร
ซึ่งบัวสายนิยมนำก้านดอกและไหล สามารถมารับประทานโดยนำก้านดอกหรือใบมาลอกผิวหรือเปลือกที่หุ้มอยู่ออกแล้วเด็ดดอกและใบทิ้ง แล้วนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงเป็นอาหาร เช่น การทำแกง ผัด แกงส้ม แกงกะทิ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ทำขนมได้อีกด้วย