
4 กันยายน 2566 นายจตุพร อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครรังสิต ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ หลังวานนี้มีการทะเลาะวิวาทกับอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูขณะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้อาวุธปืนยิงลงพื้นเพื่อเปิดทางหนี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายจตุพร เปิดเผยว่า ตนเองเป็นอาสาสมัครของหน่วยกู้ชีพเทศบาลนครรังสิต วิ่งงานกู้ภัยมาตั้งแต่พ.ศ.2551 ในรถตนเองจะมีวิทยุ 5 เครื่อง โดยตนเองได้ยินว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ชนจักรยานยนต์บริเวณหน้าโครงการบ้านเอื้ออาทรแห่งหนึ่ง ตนเองจึงขับรถเปิดสัญญาณไซเรนมา โดยตนเองวิทยุแจ้งกู้ชีพปทุมธานี แต่ในช่องความถี่กู้ชีพปทุมธานีติดการใช้งานความถี่อยู่ ตนจึงรอให้กู้ชีพใช้ความถี่เสร็จ แต่รถยนต์ตนเองวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว ผู้ได้รับบาดเจ็บมี 2 คน ตนจึงวิทยุไปที่ช่องกู้ชีพปทุมธานีอีกครั้งหนึ่งว่าเจอเหตุ จากนั้นแฟนตนเองและตนเองก็วิ่งลงไปดูคนเจ็บ
จากนั้น ก็มีรถของอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูขับมาปาดหน้า ก่อนที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจะแจ้งกู้ชีพปทุมธานีทางช่องความถี่วิทยุว่า ร่วมตรวจสอบ จากนั้น ก็มีอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูคนหนึ่ง เข้ามาด่าทอด้วยคำหยาบคาย และมีการโต้เถียงกัน จนตำรวจจราจรจะบอกว่าให้เอาคนเจ็บไปส่ง อย่าทะเลาะกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ ตนจึงนำผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 คน ขึ้นรถมา ส่วนคนเจ็บที่เป็นชายอีกคน ให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่ง รพ.
นายจตุพร เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ตนขับรถพาคนเจ็บกำลังจะไปส่งที่ รพ. ระหว่างทางได้มีรถของอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูวิ่งมา 2 คัน มาปิดถนนทั้งสองฝั่งไม่ให้ตนเองไป ก่อนที่จะมีรถอีกคันที่ตนเองแบ่งคนเจ็บให้ขับมาปิดท้ายอีกครั้ง โดยทั้งหมดเดินลงมาจากรถและเข้ามาหาตน ด้านหน้า 6 คน ด้านหลังจำนวน 3 คน
ตนจึงหยิบปืนเอามาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ เมื่อเปิดประตูลงมา พวกเขาก็เข้ามาโวยวายด่าทอตนต่างๆนานา ด้วยคำหยาบคาย ก่อนที่จะมีอาสาของร่วมกตัญญูมากระชากเสื้อ ด้วยความกลัวเพราะคนเขามากันเยอะ ตนจึงได้เอาปืนออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วยิงลงพื้นไป 1 นัด เพื่อป้องกันตัวเอง ก่อนที่พวกเขาจะแตกฮือออกไป และมี 1 คนพยายามที่จะเข้ามาแย่งปืนจากตนกระชากกางเกงของตนจนขาด ก่อนที่ตนจะเดินหลบเข้าไปในซอย เพราะถ้ายังอยู่อาจจะมีอะไรอย่างอื่นอีกแน่ เพราะคนเข้ามาเยอะกว่า กระทั่งวันนี้จึงมามอบตัว
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบปืนพบว่าปืนนั้นมีทะเบียนถูกต้อง แต่เรื่องการพกพาและการยิงปืนสาธารณะนั้นถือว่าผิด ซึ่งโดยทางมือปืน ได้เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ส่วนเรื่องทางคดีก็ต้องมาว่ากันในทางด้านหลักฐานว่าใครผิดถูกก็ต้องว่ากันไป สำหรับการรับผู้ป่วยหรือคนเจ็บหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางออกร่วมกัน และต้องมีการประชุมหารือเรียกทุกหน่วยงานมาพูดคุย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีกและเพื่อความถูกต้องและอยู่อย่างสันติ ในเบื้องต้นได้ทำการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนไว้ก่อนแล้วจะได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป