
จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนวัดวงเดือน ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนถึงพฤติกรรม "ครูอ้อม" เฆี่ยนตีดุด่าเด็กนักเรียนด้วยถ้อยคำหยาบคาย สาเหตุเนื่องจากครูอ้อมได้ทำเงินหล่นหาย จำนวน 9,000 บาท เด็กเก็บได้แต่ไม่ส่งคืน นอกจากนี้ยังได้พาเด็กจำนวน 14 คน ไปโรงพักโดยไม่บอกผู้ปกครอง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
8 สิงหาคม 2566 นักจิตวิทยาบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยนาท ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ขณะที่ครูอ้อม ลาป่วย เนื่องจากเครียดกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
นายสมพร ม่วงพันธ์ รักษาราชการแทน ผอ.โรงเรียนวัดวงเดือน เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา โรงเรียนจัดกิจกรรมแห่เทียน ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ครูอ้อม ไปกดเงินประมาณ 9,000 บาท มาเป็นค่าเดินทางกลับบ้านที่ จ.แพร่ หลังกดเงินเสร็จได้แวะไปไหว้พระที่วัดโฆสิตาราม (หลวงพ่อกวย) และซื้อเทียนเพื่อมาทำการตบแต่ง จากนั้นได้กลับมาที่โรงเรียน ซึ่งอาจจะด้วยความรีบร้อนจึงทำให้เงินที่วางอยู่บนตักหล่นหายไป
พอครูอ้อมรู้ว่าเงินหาย ได้ไปเช็กกับทางวัดแต่ไม่มีใครเห็น ครูอ้อมจึงโพสต์เฟซบุ๊กว่าเงินหาย ต่อมามีครูท่านหนึ่งเห็นว่า มีนักเรียนร่วมทำบุญแห่เทียนพรรษา 1,000 บาท และยังซื้อขนมเลี้ยงเพื่อนด้วย ครูคนดังกล่าวรู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมเด็กนักเรียนถึงมีเงินเยอะ จึงมาเล่าให้ครูอ้อมฟัง จึงทำให้ทราบว่าครูอ้อมทำเงินหาย ซึ่งหลังจากเสร็จกิจกรรมแห่เทียน ครูได้เรียกเด็กมาทำการสอบถาม จึงทราบว่าเด็กเก็บเงินของครูอ้อมได้จริง และแบ่งเงินที่เก็บมาได้ให้เพื่อนอีกคน จำนวน 3,000 บาท
ทางโรงเรียนได้เรียกครูอ้อม มาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งครูอ้อมแจ้งว่ารู้สึกผิดหวังกับเด็ก เนื่องจากความสนิทกับเด็กกลุ่มนี้ และยอมรับผิดว่าตีเด็ก รวมทั้งใช้คำพูดที่รุนแรงกับเด็กจริง ส่วนเรื่องที่ครูอ้อมพาเด็กนักเรียนโรงพัก เพื่ออยากจะให้ตำรวจช่วยอบรมสั่งสอน และอยากจะให้เด็กเกิดความกลัว ไม่ทำแบบนี้อีก และไม่ได้มีการดำเนินคดีอะไรกับเด็ก ส่วนเรื่องที่ทำให้กลุ่มผู้ปกครองไม่พอใจ เพราะมีการข่มขู่เด็กว่าหากไม่นำเงินมาชดใช้จะต้องติดคุก
ทั้งนี้ โรงเรียนได้ทำรายงานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนครูอ้อม ได้มีการเขียนคำร้องขอย้ายกลับบ้านเกิด จ.แพร่ และอยู่ระหว่างรอหนังสือคำสั่งออกช่วงเดือนกันยายน
พ.ต.ท.กิตติพันธ์ ภูวเรืองพัฒน์ สารวัตรใหญ่ สภ.ห้วยงู กล่าวว่า วันดังกล่าวตำรวจได้มีการลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเรื่องของเงินครูอ้อมหาย และได้พูดคุยถึงข้อกฎหมายกับเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ เกี่ยวกับเรื่องของการลักขโมย ส่วนประเด็นผู้ปกครอง 5 คน มาแจ้งความดำเนินคดีกับครูอ้อม ที่ตีเด็กอย่างรุนแรง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้แล้ว และเตรียมเรียกครูอ้อมมาให้ปากคำต่อไป