
จากกรณีน.ส.นันท์นภัส (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ร้องผ่านสื่ออยากให้เป็นตัวกลางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว หลังจาก น.ส.อามานา (สงวนนามสกุล) ลูกสาวของตัวเองกินอาหารเสริมเข้าไปจำนวน 1 เม็ดตอนกลางคืน รุ่งเช้าวันที่ 26 พ.ค.66 เดินทางไปตรวจร่างกายเพื่อต้องการเอาผลไปแนบประกอบในการมอบตัวเรียนคณะเภสัช มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันที่ 31 พ.ค.66 แต่ปรากฏว่าแพทย์พบสาร ”เมทแอมเฟตามีน” ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันในยาบ้าอยู่ในปัสสาวะ ทั้งที่ไม่เคยเสพยา ทำให้แพทย์ไม่กล้าออกใบรับรองแพทย์ให้ได้
เรื่องดังกล่าวเกิดบานปลาย หลังจากเจ้าหน้าที่เอาตัวอย่างอาหารเสริมไปตรวจไม่พบว่ามีสารเมทแอมเฟตามีน รวมถึงผลการตรวจร่างกายของ น.ส.อามานา ซ้ำที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ อย่างละเอียดไม่พบว่ามีสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกายแต่อย่างใด
ต่อมา วันที่ 10 มิ.ย.66 ครอบครัว นศ.เภสัช ได้รับหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ถูกบริษัท ธันย์รดา 59 จำกัน โดยนางสาวอภิรมณ สุขสีทา กรรมการผู้มีอำนาจ ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท ทำให้ครอบครัวโดยเฉพาะ นศ.เภสัช ต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะกังวลกับคำฟ้อง และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.66 ครอบครัว นศ.เภสัช ได้รับหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์อีก 1 ฉบับ แต่คราวนี้เป็นความอาญาฟ้อง น.ส.อามานา นศ.เภสัช เป็นจำเลยที่ 1 น.ส.นันท์นภัส ผู้เป็นแม่เป็นจำเลยที่ 2 ซึ่งในเอกสารจากสารระบุคำฟ้องแพ่ง และความอาญา ฟ้องในวันเดียวกันแต่เอกสารส่งมาถึงบ้านคนละวันกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา ได้มีนายพลกฤต เนาว์ประโคน ที่ปรึกษาสภาทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกมาระบุว่า หลังทราบเรื่องราวมาก่อนหน้านี้ ได้รับการประสานมาจาก ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย ว่าจะเข้ามาช่วยว่าความให้ในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เพราะสภาฯเห็นใจนักศึกษาเภสัชและครอบครัว และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็ก เบื้องต้นจะขอตรวจสอบเอกสารคำฟ้องก่อน เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเด็กต่อไป
ด้าน น.ส.นันท์นภัส แม่ นศ.เภสัช กล่าวว่า ตอนที่ได้รับหมายศาลครั้งแรกก็ตกใจแล้วเพราะบริษัทเรียกค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท แต่มาได้อีก 1 หมายเป็นความอาญา ยิ่งตกใจและเป็นกังวลมาก เพราะถือว่ารุนแรงเกินไปที่ครอบครัวเล็กๆอย่างเราจะทานได้ ที่ผ่านมาการร้องสื่อเราไม่เคยเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ ไม่มีภาพผลิตภัณฑ์ปรากฏ สาเหตุที่ร้องสื่อเพราะต้องการหาความชอบธรรมให้กับลูกสาว ที่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่เคยกินยาชนิดใดๆมาก่อน ทั้งยังต้องเร่งหาความจริงโดยเร็วเพราะลูกสาวใกล้จะมอบตัวเรียนเภสัชที่ลูกตั้งใจเอาไว้ ตอนนี้ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่มีสภาทนายความยื่นมือมาช่วยเหลือ ห่วงแต่ลูกสาวที่ทั้งเรียนทั้งรับเรื่องราวที่โหมเข้ามา