
จากกรณีพี่สาว น.ส.ทิพยวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า น้องสาวมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และมีโรคประจำตัว คือโรค SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองลงไตและกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เข้ารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลระนอง เมื่อกลางดึกวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา แพทย์เวรบอกว่าน้องเป็นโรคกระเพาะ จากนั้นพาไปนอนรอดูอาการในห้องผู้ป่วยรวม แต่อาการปวดท้องก็ไม่หาย กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เรียกพยาบาลแต่ไม่สนใจ กระทั่งวันรุ่งขึ้นน้องสาวทนไม่ไหวเสียชีวิต นั้น
15 มิถุนายน 2566 ที่ ห้องประชุมอินทนิล โรงพยาบาลระนอง นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มอบหมายให้ นายแพทย์อรุณ สัตยาพิศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง พร้อมด้วยคณะแพทย์ ร่วมชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ทิพยวรรณ (สงวนนามสกุล) โดย นายแพทย์อรุณ กล่าวว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 เวลา 04.05 แพทย์ได้ทำการรักษา โดยผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองลงไต มีโรคความดันโลหิตสูง และผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง
แพทย์ได้ฉีดยาระงับปวด 3-4 ชนิด ที่ห้องฉุกเฉิน และทำการ X-Ray พร้อมตรวจอัลตราซาวด์เพิ่มเติม หลังจากนั้นได้ย้ายผู้ป่วยไปยังตึกอายุรกรรมหญิง ได้รับยาแก้ปวดเพิ่มเติมอีกครั้ง และทีมแพทย์วางแผนจะ X-Ray เพิ่มเติม และญาติประสงค์จะไปรักษาตัวที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งทางโรงพยาบาลระนองต้องทำการประสาน และทำพื้นฐานทาง X-Ray คอมพิวเตอร์
และในระหว่างการเคลื่อนย้าย ผู้ป่วยมีอาการเกร็ง หัวใจหยุดเต้น แพทย์ได้ขออนุญาตญาติผู้ป่วยในการตรวจพิสูจน์พบว่า สาเหตุของการเสียชีวิต คือ เส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ มีการปริ และฉีกขาด เลือดได้ไหลเข้าสู่เยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยคณะแพทย์ได้อธิบายญาติผู้เสียชีวิตแล้ว
โรงพยาบาลระนอง ได้ให้การดูแลเยียวยาอย่างเต็มที่ตามมาตรา 41 จะมีการช่วยเหลือเงินเยียวยา กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร ตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท พร้อมทั้งได้มีการประชุมทบทวนบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยรักษาโรค นอกจากนี้ยังทบทวนเรื่องของการบริการของเจ้าหน้าที่ต่อญาติผู้ป่วย ซึ่งสร้างความกังขาแก่ญาติ
โดยขอให้เป็นบทเรียนและนำมาปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เครียดขนาดไหน เจ้าหน้าที่จะต้องมีการพูดจาที่นุ่มนวลมากขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลระนองถือเป็นที่พึ่งของชาวระนอง และในช่วงค่ำทางคณะแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระนอง จะได้ไปร่วมงานศพเพื่อแสดงความอาลัย และ ให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อไป