
11 มิถุนายน 2566 จากกรณีโลกโซเชียลแห่แชร์เรื่องราวความไม่เหมาะสมของข้าราชการในจังหวัดพิษณุโลก ที่ให้ ช่างสักคิ้วคนหนึ่งใช้สถานที่ราชการ ในการให้บริการสัก โดยเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว 2” โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า..
“วันหยุดก็เยอะ แถมสิทธิ์วันลาต่างๆ ก็ได้ใช้กันจุกๆ ไม่หาสักวันไปทำ จะนอนตายทำสวยทั้งวันหรือจะให้ช่างโมใหม่ทั้งหน้าก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่สมควรที่จะนัดช่างมาให้สักกันในสถานที่ทำงานเช่นนี้
ปล.ขอย้ำสักคิ้วมันคือการสักคิ้ว ไม่ใช่สาธิตการแต่งหน้าศพนะ (หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก)”
นอกจากนี้ แอดมิน อีซ้อขยี้ข่าว 2 ยังได้โพสต์ในช่องแสดงความคิดเห็นด้วยว่า..
“เออ...หรือว่าเรียกช่างมาสาธิตการสักคิ้ว, เอ๊ะหรือว่าเทรนด์นิ่งสร้างรายได้เสริมสอนการสักคิ้ว, หรือสาธิตเครื่องมือสัก เป็นไปได้หมดเลย เดี๋ยวสมมติถ้ามีข่าวคงออกมาชี้แจง แต่อย่างน้อยกูคิดให้แล้วเป็นทางรอดที่จะถูกประณามน้อยที่สุดแหละ”
ทั้งนี้ภาพประกอบโพสต์ดังกล่าว เป็นบรรยากาศหญิงสาวช่างสักคิ้วกำลังสักคิ้วให้กับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดข้าราชการ ในสถานที่ราชการ โดยมีกลุ่มเพื่อนๆ ยืนรุมดูขณะนอนสักคิ้วอยู่
โพสต์ดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับประชาชนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า เป็นการสักคิ้วที่กำลังเบียดบังการทำงานในเวลาราชการหรือไม่ รวมถึงความไม่เหมาะสมในสถานที่ราชการอีกด้วย ก่อนจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบและแชร์ต่อออกไปเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังหญิงสาวผู้ที่เป็นช่างสักคิ้ว ที่ไปสักคิ้วในสถานที่ราชการ ทราบชื่อว่า น.ส.พิชชาพลอย กัญคำ อายุ 36 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเป็นอาจารย์สอนวิชาชีพสักคิ้ว เปิดสักคิ้วอยู่ที่ จ.ชลบุรี มาแล้วเป็นเวลา 8 ปี แต่ถิ่นฐานบ้านเกิดเป็นคน จ.พิษณุโลก ขณะนี้แม่ไม่สบาย และร้านสักคิ้วที่ชลบุรีมีลูกค้าลดลง จึงถือโอกาสกลับมาเยี่ยมแม่และหารายได้ไปด้วย
ทั้งนี้ ได้รับสักคิ้วตามสถานที่ต่างๆ ตามต่างจังหวัด ซึ่งในวันดังกล่าวเดินทางไปสักคิ้วให้กับลูกค้า 1 คน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้สักคิ้วเพียงแค่เดินมามุงดูตอนตนเองสักคิ้วเท่านั้น เมื่อสักเสร็จแล้วจึงตระเวนไปสักให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ ต่อข้างนอก
“ต้องขอน้อมรับและยอมรับผิดจริงๆ ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ภาพที่ปรากฏตามข่าวนั้นขอยืนยันว่าไปสักคิ้วในเวลาหลังเลิกงาน ไม่ใช่เวลาราชการแต่อย่างใด แต่ใช้สถานที่ราชการ ยอมรับตรงนี้ว่ามีความไม่เหมาะสม”
น.ส.พิชชาพลอย บอกอีกว่า ต้องขอโทษหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เสื่อมเสีย และขอโทษลูกค้าที่ปรากฏเป็นข่าวออกไปด้วย ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน.