ครอบครัวสาวบาร์เบียร์ ถูกฆ่าหมกห้องติดใจ เชื่อคนลงมือ มีมากกว่า 1 คน

24 พฤษภาคม 2566 ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมโหดสาวบาร์เบียร์ หมกห้องเช่ากลางเมืองพัทยา ที่ขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุม นายวัชระพล อันสงคราม หรือ "กิ๊ก กิโลสิบ" อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาได้ หลังหลบหนีไปกบดานที่ ต.กุดบาก อ.กุดบาก จ.สกลนคร เขตรอยต่อ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองพัทยา พร้อมอ้างว่า ไม่เจตนาฆ่า แค่ต้องการทวงหนี้ 3 หมื่น แต่ผู้ตายบ่ายเบี่ยง จนมีปากเสียงถูกไล่แทง เลยโมโหขาดสติ พร้อมฝากขอโทษครอบครัวผู้ตาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• เปิดคำรับสารภาพ "ไอ้กิ๊ก" มือแทงสาวบาร์เบียร์ อ้าง ผู้ตายทำร้าย เลยขาดสติ
• รวบแล้ว "กิ๊ก กิโลสิบ" ปลิดชีพสาวบาร์เบียร์ หมกห้องพัก จนมุมที่ จ.สกลนคร
• ตร.พัทยา ออกหมายจับ "กิ๊ก กิโลสิบ" ผู้ต้องสงสัยฆ่าสาวบาร์เบียร์ หมกห้องพัก

ล่าสุด ที่วัดบ้านหินกอง ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ สถานที่จัดพิธีทางศาสนาของ น.ส.รัตน์ ผู้เสียชีวิต ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายอำนาจ ธรรมรัตน์ อายุ 28 ปี น้องชายของผู้ตาย ที่เปิดเผยว่า หลังจากที่ไปรับศพ แพทย์ได้แจ้งผลการชันสูตรว่า ถูกแทงทั้งหมด 11 แผล ซึ่งไม่สอดคล้อง กับที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้แทงแค่เพียง 3 ครั้ง และไม่เชื่อว่า พี่สาวจะถูกฆ่า เพราะปมเรื่องเงิน 3 หมื่นบาท กับเรื่องยาเสพติด 
 

เพราะก่อนที่พี่สาวจะถูกฆ่า แม่ของตนได้โอนเงินไปให้พี่สาวจำนวนหนึ่ง และยังคาใจว่า ผู้ต้องหาอาจจะถูกบุคคลอื่น จ้างวานมาก่อเหตุ เพราะตนกับพี่สาวคุยกันตลอด เชื่อว่ามีผู้ที่ก่อเหตุ ฆ่าพี่สาวตนมากกว่า 1 คน

อีกทั้งผู้ต้องสงสัยคนแรก ที่ถูกสอบปากคำ ก็ให้การไม่ตรงกับผู้ต้องหา ที่แรกบอกไม่รู้จักกับพี่สาวตน แต่พอตนเอาหลักฐานให้นักข่าวดู เขากลับคำให้การว่า เคยคบกันแต่นานมาแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้ว เขากับพี่สาวตนคบกันมาเรื่อย ๆ กระทั่งถูกแฟนจับ และมีเรื่องราว มีการทำร้ายร่างกายกัน 

 

แต่พอ "นายกิ๊ก" ผู้ต้องหาโผล่มาไม่ถึง 1 สัปดาห์ พี่สาวของตนก็ถูกฆ่า จึงเชื่อว่า "นายกิ๊ก" อาจถูกคนอื่นจ้างมาก่อเหตุ มีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 1 คนแน่นอน จึงอยากให้ตำรวจ จับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดให้ได้ และประหารให้ตายตกไปตามกันไป ตนไม่มีทางอโหสิให้ผู้ก่อเหตุ และพี่สาวคงตายตาไม่หลับ หากจับผู้ก่อเหตุทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน  
 

ขณะที่ นางสำราญ ธรรมรัตน์ อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเป็นคนขยัน ทำงานตั้งแต่จบ ม.3 ตนเพิ่งย้ายจากชลบุรี กลับมาอยู่ที่อำนาจเจริญได้เพียงแค่ 3 ปี และรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากตายแทนลูกตนได้ก็ตายแทน เพราะลูกของตนอายุยังน้อย และตนไม่เชื่อเด็ดขาดเรื่องหนี้ 3 หมื่น

เพราะก่อนหน้านี้ ตนก็ได้คุยกับลูกสาวว่า ให้ตนหาเงินให้ 3 หมื่น ส่วนอีก 1 หมื่นบาท ลูกสาวของตนจะหาเอง เพราะลูกสาวตนคงเป็นหนี้ 4 หมื่น อีกทั้งช่วงนี้ลูกสาวของตน ไปทำงานไม่ได้ เนื่องจากหน้ามีบาดแผล ตนยังติดใจการฆาตกรรมในครั้งนี้ และไม่มีวันที่จะให้อภัยผู้ก่อเหตุ อยากให้โดนประหารตามลูกสาวตนไป