2 พฤษภาคม 2566 ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงกระแสความนิยม พรรคก้าวไกล ที่พุ่งมาอันดับ1 แซงพรรคเพื่อไทยในหลายสำนักโพล ว่า กระแสของพรรคก้าวไกลที่พุ่งแรงในช่วงนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตามสโลแกน "เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม"
กระแสที่นับวันยิ่งแรง เพราะพรรคก้าวไกลมีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนตั้งแต่แรก คือไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สืบทอดอำนาจมาจากคสช. จนชาวบ้านจำได้ติดปากว่า “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” ทำให้โดนใจมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะมวลชนฝ่ายเพื่อไทยที่ไม่แน่ใจว่าจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ทำให้สาวกของเพื่อไทยบางส่วนหันมาหาสนับสนุนพรรคก้าวไกล แม้ว่าเพื่อไทยจะมาออกมาแสดงความชัดเจนภายหลังว่าไม่ร่วมมือกับ พล.อ.ประวิตร แล้วก็ตาม แต่ความไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้นทำให้เพื่อไทยเสียเปรียบก้าวไกลในการช่วงชิงมวลชน
ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ เปิดเผยอีกว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่โดดเด่น แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น เพราะพูดถึงระบบโครงสร้างขจัดการทุนผูกขาด ปฏิรูปกองทัพ การเกณฑ์ทหาร การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งพรรคอื่นไม่กล้าพูด กลายเป็นจุดแข็งของพรรค ทำให้ก้าวไกลมาแรงแซงทางโค้งกว่าทุกพรรคในเวลานี้
“นอกจากนโยบายที่โดดเด่น มีความชัดเจนเรื่องจุดยืน พรรคก้าวไกลยังให้ความสำคัญกับพลังโซเชียล จนถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่าชนะสงครามแอร์วอร์ หรือสงครามทางโลกออนไลน์ ไม่มีพรรคไหนไล่ตามเขาทันแม้แต่เพื่อไทย สื่อของก้าวไกลสามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มนิวโหวตเตอร์ และประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่อายุ 18-40 ปี มีประมาณ 17 ล้านคน ส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต์นิยมก้าวไกล สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือสื่อออนไลน์ลงลึกไปถึงระดับเด็กประถม ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ คนเหล่านี้ยังมีอิทธิพลต่อพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ที่ชักชวนให้ครอบครัวมาเลือกก้าวไกลด้วย กลายเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่หัวคะแนนจัดตั้งเหมือนพรรคการเมืองอื่นที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล” ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าว
ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ เปิดเผยอีกว่า หลายองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้พรรคก้าวไกลมาแรง พรรคการเมืองอื่นประมาทไม่ได้ ต้องยอมรับว่ามีกระแสดีทั้งในโซเชียลและในพื้นที่ จากการสำรวจข้อมูลจากประชาชนเป็นไปในทิศทางที่ผลโพลระบุ ไม่ใช่กระแสลวง เชื่อว่ากระแสที่เกิดขึ้นจะสร้างคะแนนให้กับระบบบัญชีรายชื่อได้ไม่น้อย ส่วนระดับเขตประเมินเวลานี้น่าจะได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน รวมๆทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อน่าจะไม่ต่ำกว่า 80 ที่นั่งแน่นอน ถ้าสูงสุดอาจจะไปถึง100 ด้วยซ้ำ คาดว่ามาที่2 รองจากเพื่อไทย ที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือเขต1 ตามจังหวัดต่างๆ มีโอกาสสูงมาก โดยเฉพาะที่ขอนแก่น หยั่งเสียงชาวบ้านเชื่อว่าเขต1 พรรคก้าวไกลจะชนะ แต่รอดูว่าอีก2สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลจะสามารถเลี้ยงกระแสความนิยมให้ได้นานแค่ไหน
ส่วนเพื่อไทยจะได้อันดับ1 เชื่อว่าไม่แลนด์สไลด์ เพราะเจอคู่แข่งสำคัญอย่างก้าวไกลตัดคะแนน แต่2พรรครวมกันบวกกับเล็กพรรคน้อยฝ่ายประชาธิปไตยคะแนนเสียงชนะฝ่ายอนุรักษ์นิยมแบบเด็ดขาด แต่คิดว่าคงไม่ถึง 376 เสียง ซึ่งเป็นปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีเสียงสว. 250 เสียงเป็นอุปสรรค
สุดท้าย ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยอมรับว่ากังวลเรื่องการทุจริตการเลือกตั้ง ตอนนี้เป็นที่รับรู้กันแล้วว่าตามหัวเมืองต่าง ๆ เริ่มมีการเก็บบัตรประชาชนชาวบ้าน เพื่อเช็กจำนวนเสียงที่แน่นอน พรรคที่ไม่มีกระแสต้องอาศัยกระสุน ในภาคอีสานหลายจังหวัดเริ่มเห็นแล้ว ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบ