
ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของ นางสาวศิริพร หรือ "ก้อย" อายุ 32 ปี ที่เสียชีวิตหลังไปปล่อยปลากับ หญิงสาวที่ชื่อ "แอม" เพื่อนสนิท บริเวณน้ำริมแม่น้ำแม่กลอง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งครอบครัวของน้องก้อย เกิดติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรม และขอให้มีการตรวจหาสารพิษในศพของน้องก้อย จนมีกระแสข่าวว่ามีการตรวจพบ "ไซยาไนต์" ในศพของน้องก้อย และนำไปสู่การออกหมายจับ และการจับกุมตัวนางสาวแอม เพื่อนสนิทของน้องก้อย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของพ่อ นางสาวแอม ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยพบว่า เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังสีเขียว ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวแอมป์ และแฟนหนุ่ม โดยบ้านหลังดังกล่าวได้ถูกปิดเงียบ ลักษณะคล้ายกับไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลานาน ส่วนบ้านพ่อของนางสาวแอมนั้น มีการนำรั้วเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าด้านหน้า ผู้สื่อข่าวจึงได้พยายามโทรศัพท์ เพื่อจะขอเข้าไปพูดคุยกับพ่อของนางสาวแอม แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ หรือไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางลงพื้นที่ ไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยได้พูดคุยกับนายศักดิธัช อารีรอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่ามะกา โดยนายศักดิธัช ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนางสาวแอม เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่นางสาวแอม พร้อมด้วยพ่อและแม่ มาขอให้ตนเซ็นเอกสารรับรองเรื่องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งหลังจากตนเซ็นเอกสารไปให้ นางสาวแอม ก็ยังเคยคุยว่า ตัวเองมีสามีเป็นตำรวจ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็สามารถบอกได้ ก่อนจะให้เบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อเอาไว้ แต่ปัจจุบันก็ไม่สามารถติดต่อเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวได้แล้ว
ในส่วนของพ่อและแม่ นางสาวแอม ทราบมาว่า เป็นคนที่มีพื้นเพอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา มายาวนานแล้ว มีอาชีพขายไข่ตามตลาดนัด ส่วนตัวของนางสาวแอม หลังจากเรียนจบ และมีครอบครัว ก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ นานๆครั้ง จึงจะแวะมาทำธุระ และเยี่ยมหาพ่อแม่เท่านั้น
ทางด้าน นางสาวพรทิพย์ อายุ 63 ปี เพื่อนสนิทพ่อของนางสาวแอม ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เด็กๆ นางสาวแอม เป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยว หรือสุงสิงกับใคร เมื่อโตขึ้น เรียนจบ และแต่งงานมีครอบครัว ก็ย้ายไปอยู่กับสามีและลูก ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ เคยพบหน้ากันครั้งล่าสุด เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เพราะนางสาวแอม มาเซ็นเอกสารกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน หลังจากเซ็นเอกสารเสร็จ ก็กลับไปทันที ไม่ได้อยู่พูดคุยกับคนอื่นแต่อย่างใด
"ยอมรับว่า เมื่อเห็นข่าวเกี่ยวกับการวางยา ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คิดว่า นางสาวแอม จะมีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมเช่นนี้" นางสาวพรทิพย์ ระบุ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังลงพื้นที่ไปยังแฟลตตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ซึ่งนางสาวแอมและสามี เคยพักอาศัยอยู่ โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับคุณบี แม่ค้าส้มตำที่อยู่หน้าแฟลตตำรวจ ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า นางสาวแอมและสามี เคยพักอาศัยอยู่ที่แฟลตแห่งนี้จริง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว ปลูกอยู่ติดกับแฟลตตำรวจ ซึ่งหลังจากสามีของนางสาวแอม มีคำสั่งให้ย้ายไปเป็นรองผู้กำกับที่จังหวัดราชบุรี ทั้งสองคนก็ย้ายออกไปทันที แต่ก็ยังคงมีข้าวของอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าวอยู่ นอกจากนี้ ที่แฟลตตำรวจแห่งนี้ ก็ยังมีสารวัตรนุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่คาดว่าน่าจะถูกวางยา อาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน
โดยคุณบี ซึ่งเป็นแม่ค้าส้มตำให้ข้อมูลว่า ตามปกตินางสาวแอม จะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลาลงมาซื้อส้มตำที่ร้าน ก็จะพูดคุยกับคนอื่น แบบถามคำตอบคำ ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ นอกจาก สารวัตรนุ้ย ที่เป็นนายตำรวจ เหมือนกับสามีของนางสาวแอม เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพ่อของสารวัตรนุ้ย หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่เสียชีวิตในขณะขับรถในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 โดยพ่อของสารวัตรนุ้ย ยอมรับว่า หลังทราบข่าวที่ลูกสาวเสียชีวิต ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ตามที่มีการชันสูตรพลิกศพ แต่หลังจาก ได้เห็นข่าวของนางสาวแอม ก็เริ่มมีข้อสงสัย ในสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาวตน
ซึ่งล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่จังหวัดนครปฐม ได้ติดต่อขอนำเอาโทรศัพท์มือถือ พร้อมด้วยคอมพิวเตอร์ Notebook และ smart watch ของสารวัตรนุ้ย ไปตรวจสอบหาข้อมูลความเชื่อมโยงกับนางสาวแอม ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อีกครั้ง ซึ่งทางตนก็ได้นำไปมอบให้ เพื่อให้ทางตำรวจตรวจสอบหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วเช่นกัน