"ผู้ใหญ่บ้าน" เผย มือสังหารนายจ้างฝังดินอำพราง เคยขู่เอาชีวิตแม่ตัวเอง
ผู้ใหญ่บ้านเผย หนุ่มลูกจ้างโหด ฆ่านายจ้างแล้วฝังดินอำพรางศพ เคยขู่เอาชีวิตแม่ตัวเองมาแล้ว ชี้เวลาไม่เมาเหล้า จะเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเมา นิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
19 เมษายน 2566 จากกรณีที่นายสาโรจนฤเบศธ์ อายุ 53 ปี ผจก.ธนาคารแห่งหนึ่ง ถูกฆาตกรรมฝังดินภายในบ้านย่านไทรน้อย เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน โดยคนร้ายทราบชื่อเพีงนายตาล ขณะเดินสวนกับลูกสาวและหลานสาวผู้ตายออกมาจากบ้าน ก่อนสะพายกระเป๋าขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ลงพื้นที่ตามบ้านญาติและเพื่อนของนายตาล เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัว นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของนายตาล ตั้งอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านแม่ของนายตาล พบว่า ที่บ้านหลังดังกล่าว ถูกคล้องด้วยโซ่กุญแจ และทำการล็อกอยู่ โดยภายในบริเวณบ้านมี รถ จยย. จอดอยู่เพียง 1 คัน หลังจากพยายามเรียกคนในบ้านอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมาพบ
จากการสอบถาม นายสมพงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ต.ไทรน้อย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ช่วงหลายเดือนก่อน แม่ของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นลูกบ้านของตน ได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากตน ว่าถูกลูกชายคนก่อเหตุ ขู่จะฆ่าให้ตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ตนพร้อมกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงได้เดินทางไปช่วยเหลือ
ซึ่งก็พบว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการเอะอะโวยวาย เหมือนคนกำลังเมาสุรา และยืนด่าทอและขู่ทำร้ายแม่ของตนเองอยู่ พร้อมกับนำอาวุธมีดต่างๆ ออกมาวางไว้ทั่วบ้าน ตนจึงได้เข้าไปห้ามปราม และยึดอาวุธมีดเอาไว้ ก่อนจะควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.ไทรน้อย ซึ่งต่อมาทางแม่ของผู้ก่อเหตุ ได้แจ้งกับตนว่า ไม่ต้องการให้ลูกชายคนนี้ ซึ่งไม่ทำการทำงาน กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อีก เพราะกลัวจะถูกทำร้าย เนื่องจากผู้ก่อเหตุรายนี้หากเมาสุราทีไร มักจะชอบอาละวาด ขู่ทำร้ายร่างกาย และขู่จะฆ่าทิ้งอยู่เป็นประจำ ตนจึงสั่งไม่ให้ผู้ก่อเหตุ กลับเข้ามาสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้านแห่งนี้อีก
นายสมพงษ์ เปิดเผยอีกว่า หลังจากนั้นเพียง 2-3 วัน ผู้ก่อเหตุก็กลับมาที่บ้านอีก ครั้งนี้เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นแม่ได้โทรมาขอความช่วยเหลือจากตนอีกครั้ง เพราะกลัวถูกลูกชายจะย้อนกลับมาทำร้าย ตนกับผู้ช่วยผู้ใหญ่ จึงไปสอบถามผู้ก่อเหตุว่ากลับมาที่นี้อีกทำไม ผู้ก่อเหตุก็อ้างว่าขอกลับมาเก็บเสื้อผ้าของใช้ แล้วจะไปหางานทำ โดยแม่ของเขา จึงได้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าสะพาย ส่งออกมาให้ที่หน้าบ้าน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะคว้ากระเป๋าเสื้อผ้า แล้วเดินหายออกจากหมู่บ้านไป
"โดยอุปนิสัยส่วนตัวของผู้ก่อเหตุ เวลาเขาไม่เมาเหล้า จะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด หรือสุงสิงกับใคร แต่ถ้าเมาเมื่อไร จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และมักจะมีปากเสียงกับแม่อยู่เป็นประจำ จนถึงขั้นขู่จะใช้มีดทำร้ายร่างกาย ไม่คิดว่าหลังจากถูกขับออกจากชุมชนไปแล้ว จะไปก่อเหตุฆ่านายจ้างตาย ทั้ง ๆ ที่เขาให้โอกาส รับเข้าไปทำงานด้วยซ้ำ ซึ่งผู้ตายก็เป็นคนที่ตนรู้จักด้วยเช่นกัน ถ้าหากตนรู้มาก่อนว่า ผู้ตายจะรับผู้ก่อเหตุไปทำงานด้วย ตนก็คงห้ามไปแล้ว" ผู้ใหญ่บ้าน ระบุ
