svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด

หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.5 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับหัวหน้าสายตรวจสายที่ 2 จับกุม มอดไม้เหิมเกริม พกวิทยุสื่อสารเช็กความเคลื่อไหวเจ้าหน้าที่ ตัดไม้เตรียมลำเลียงช่วงหยุดสงกรานต์ เจ้าหน้าที่รวบตัวทันควันพร้อมของกลางอุปกรณ์ ครบครัน

13 เมษายน 2566 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.5 (อ.แม่สะเรียง) นำโดย นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ มส.5 (อ.แม่สะเรียง)  ร่วมกับนายอำนวย ยอคคำ หัวหน้าสายตรวจสายที่ 2 ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้  โดยได้รับแจ้งจากพลเมืองดี (ขอสงวนนาม) ทางโทรศัพท์ว่า มีการลักลอบตัดไม้ที่บริเวณป่าบ้านแม่ต๊อบเหนือ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

รวมทั้งจะมีการนำรถยนต์ไปบรรทุกไม้ออกมาจากจุดที่ลักลอบตัดโค่นไม้ เพื่อลักลอบออกในช่วงเทศกาลหยุดยาวสงกรานต์ที่จะถึงนี้  คาดมีออร์เดอร์สั่ง จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจสอบ
                     
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบริเวณที่ได้รับแจ้ง ตามพิกัดทางทิศเหนือของบ้านแม่ต๊อบเหนือ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นลำห้วยอีกึ ห่างจากหมู่บ้านแม่ต๊อบเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งลำห้วยอีกึ ดังกล่าวเป็นเส้นทางใช้สำหรับเข้าพื้นที่ป่าและที่ทำการเกษตรโดยจะใช้เป็นเส้นทางลำลองไปตามลำห้วยอีกึโดยไม่มีบ้านคนอยู่อาศัยแต่อย่างใด
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางโดยทางเท้าเข้าไปตามลำห้วยได้พบมีรถยนต์กระบะสีเขียว หมายเลขทะเบียน ขค 11XX จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังกระบะมีโครงเหล็กจอดอยู่และมีชาย 1 คน ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังชื่อนายธนู อุปละ อายุ 46 ปี อยู่ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อขอตรวจสอบและให้นายธนู อุปละ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณหน้ารถและหลังกระบะรถยนต์คันดังกล่าว
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด
การตรวจสอบบริเวณหน้าคอนโซลรถยนต์หมายเลขทะเบียน ขค 11XX จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบวิทยุสื่อสารแบบมือถือ จำนวน 2 เครื่อง วางอยู่และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวิทยุสื่อสารทั้ง 2 เครื่อง ใช้การได้ตามปกติ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช็คความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่

บริเวณหลังกระบะตรวจพบเลื่อยโซ่ยนต์นำซุกซ่อนอยู่ในถุงปุ๋ย จำนวน 2 กระสอบโดย 1 กระสอบ จะนำเลื่อยโซ่ยนต์ซุกซ่อนไว้ จำนวน 2 ตัว รวมทั้งหมด จำนวน 4 ตัว และตรวจพบบาร์เลื่อยโซ่ยนต์ขนาด 24 นิ้ว จำนวน 2 อัน และ ขนาด 20 นิ้ว จำนวน 2 อัน และขนาด 13 นิ้ว 2 ตัว วางซุกซ่อนอยู่บริเวณใต้เปาะ และโซ่เลื่อยยนต์  ยาว 27 นิ้ว จำนวน 7 เส้น ยาว 23 นิ้ว จำนวน 4 เส้น ยาว 16 นิ้ว จำนวน 2 เส้น .ตรวจพบอุปกรณ์ลอกโซ่แบบใช้มือซาวพบลวดสลิงและอุปกรณ์ต่างๆวางไว้อยู่บริเวณหลังกระบะรถยนต์คันดังกล่าว
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด

นอกจากนี้ บริเวณข้างรถตรวจพบไม้สักท่อน จำนวน 2 ท่อน วางอยู่ห่างจากรถประมาณ 2 เมตร และ พื้นที่โดยรอบตรวจพบมีการลักลอบตัดโค่นไม้สักล้มลง และถูกตัดทอนเป็นท่อนๆ ลักษณะใหม่ พบร่องรอยการตัดทอนด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วปรากฏว่าเป็นไม้สักท่อน ไม่พบรูปรอยดวงตราของทางพนักงานเจ้าหน้าที่หรือรอยตรารัฐบาลขายตีประทับไว้แต่อย่างใด และไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ใดๆ มาก่อน จำนวน 7 ท่อน 

เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายธนู อุปละ ว่าไม้สักท่อนที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบข้างต้นเป็นของตนใช่หรือไม่ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่พบหลักฐานซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิดในอยู่ในรถยนต์ของผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ได้นำกระดาษลอกลายเพื่อทำการลอกลาย จำนวนไม้ 2 ท่อนที่วางอยู่ข้างรถไปทำการเปรียบเทียบกับไม้สักท่อนที่ทำการโค่นล้ม ปรากฏมีขนาดและเส้นวงปีพร้อมรูปลักษณะของไม้ตรงกันอีกทั้งในบริเวณดังกล่าวไม่พบบุคคลอื่นใดอยู่บริเวณดังกล่าว
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด
จากหลักฐานในที่เกิดเหตุประกอบกับอุปกรณ์ที่ตรวจพบ คณะเจ้าหน้าที่มีเหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธนู อุปละ กระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 69 ทำไม้และมีไม้สักท่อนอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

และผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 มาตรา 14  ฐาน“ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต”และพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 ฐาน“มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

เจ้าหน้าจึงได้ร่วมกันทำการตรวจวัดชนิด ขนาด จำนวน ได้ไม้สักท่อน 9 ท่อน ปริมาตร 1.89 ลบ.ม คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 1,512 บาท คิดเป็นเงินค่าเสียหาย 15,120 บาท โดยใช้ดวงตรา ต.9667 ย.545 เลขเรียงไม้สักท่อน 10-19 เลขเรียง ปีย่อ 66 ตีประทับไว้ที่ไม้ของกลางพร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ในการกระทำผิด

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติพนักงานสอบสวนนำของกลางออกมาจากที่เกิดเหตุมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.5(อ.แม่สะเรียง) พร้อมได้จัดทำบันทึกร่วมรวมพยานหลักฐานและภาพถ่ายที่เกิดเหตุ พร้อมตัวผู้กระทำผิด นายธนู อุปละ นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สะเรียงเพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด
จับมอดไม้พกวิทยุสื่อสาร ดักฟังความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด