svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล

13 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ชาวบ้านนับร้อยเดินขบวนค้านโครงการผันน้ำยวม นักวิชาการแนะรัฐทำอีไอเอใหม่ เหตุฉบับเดิมไม่ครอบคลุม พร้อมชวน กก.สิ่งแวดล้อม ลงดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ หวั่นเสียหายมหาศาล

13 มีนาคม 2566 ที่บริเวณแม่น้ำสองสี บ้านแม่เงา ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการจัดกิจกรรม “วิถีชีวิตคนอยู่กับป่าและแม่น้ำ” โดยชาวบ้านกว่า 100 คนได้เดินขบวนรณรงค์หยุดเขื่อนผันน้ำยวม ด้วยการถือป้ายเขียนข้อความต่าง ๆ เช่น ให้สาละวิน ยวม เมย ไหลอิสระ , หยุดโครงการผันน้ำยวม , ชีวิตจะสุขสงบต้องร่วมใจปกป้อง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล  

นายยอดชาย พรพงไพร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สวด กล่าวเปิดงานว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้เพื่อสร้างเขื่อนเติมน้ำในเขื่อนภูมิพล แต่ความเป็นจริงพื้นที่โครงการนี้ จะเปลี่ยนวิถีชีวิตประชาชนในพื้นที่มหาศาล เพราะจะเกิดผลกระทบต่อทรัพยากรคน ป่าไม้ สัตว์ป่าและน้ำ

แต่หากไม่มีเขื่อน สิ่งเหล่านี้จะอยู่ด้วยความปลอดภัย เราต้องการบอกไปยังรัฐบาลว่า โครงการผันน้ำยวม ส่งผลกระทบมาก ที่นี่เราสร้างถิ่นฐานตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ มีความซื่อสัตย์ อนุรักษ์ทรัพยากร เราอยู่ที่ไหนที่นั่นก็มีป่า เราอยากให้คนภายนอกได้รับรู้

โครงการผันน้ำควรยุติ เพราะไม่คุ้มค่ากับคนในพื้นที่ และทรัพยากรที่อยู่กับชาวบ้าน มีมูลค่าไม่น้อยกว่าโครงการ โดยขณะนี้ชาวบ้านใน อ.แม่สะเรียง ก็ได้เริ่มตื่นตัวเรื่องนี้ เพราะจะได้รับผลกระทบ พวกเราต้องต่อสู้ แม้ตนเป็นนักการเมือง 4 ปี แต่ก็จะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และไม่ต้องการให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

สภาพริมฝั่งน้ำลุ่มน้ำยวม
 

ทั้งนี้ชาวบ้านจากแหล่งต้นน้ำ คือ บ้านแม่เงา ได้ร่วมกันอธิบายถึงวิถีชีวิต ที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างเขื่อนแม่น้ำยวม โดยระบุว่า หมู่บ้านแม่เงา มีอายุมากกว่า 200 ปี มีทั้งเจดีย์ และศาลเจ้าพ่อเก่าแก่ มีแม่น้ำยวมและแม่น้ำเงาเป็นหลัก สมัยก่อนมีการทำเหมืองแร่ แต่ปี 2530 ได้มีการปิดเหมืองแร่ และคนงานได้อพยพ มาอยู่บ้านแม่เงา ทุกคนช่วยกันรักษาป่าและน้ำ วิถีชีวิตของชาวบ้านแม่เงาแตกต่างจากที่อื่นคือไม่มีนา แต่อาศัยป่าและน้ำ หาเห็ดถอบ หัวบุก ซึ่งมีมูลค่าเช่นเดียวกัน

“แม่น้ำที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะอยู่ต่ำ ปลามีถิ่นอาศัยเฉพาะอยู่ในแต่ละจุด เช่น วังน้ำ ชายหาด ถ้าแม่น้ำที่นี่ไม่มีป่า เราก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร เพราะชาวบ้านต่างพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ เรามีห้วยกุ้งที่ไม่เหมือนที่อื่น ลำห้วยนี้มีกุ้งทุกฤดู หากมีเขื่อน แม่น้ำก็จะเปลี่ยนไป” 

จากนั้นชาวบ้านปลายน้ำ จากหมู่บ้านแม่งูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันอธิบายถึงผลบกระทบ หากมีการก่อสร้างปากอุโมงค์ผันน้ำ สู่เขื่อนภูมิพลว่า ชาวบ้านได้ใช้น้ำจากห้วยแม่งูด ในการรดสวนลำไย ระบบนิเวศของห้วยแม่งูดในหน้าแล้ง เห็นแต่ทราย แต่เมื่อขุดลงไปจะมีน้ำ เป็นลำธารใต้ดิน เป็นแหล่งน้ำสำหรับการเกษตร ระบบนิเวศริมห้วยมีพืชผัก

ในป่าก็มีของป่ามากมาย ชาวบ้านเลี้ยงวัว ขายขี้วัว มีราคาดี พ่อค้าจากข้างนอกมารับซื้อ ลำไย เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ รายได้แต่ละปี พอเลี้ยงชีวิตและครอบครัว ที่น่าแปลกใจคือ ในรายงานอีไอเอโครงการผันน้ำ ไม่ได้ระบุถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านและพืชพรรณต่างๆ
ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล
 

นายสิงคาร เรือนหอม ชาวบ้านแม่เงา กล่าวว่า เรื่องประวัติศาสตร์ของชุมชน ในรายงานอีไอเอ ไม่ได้เขียนไว้เลย บ้านตนอยู่ที่นี่มาก่อน รายงานเขียนไว้ว่า วัดสร้างมา 10 ปี แต่ความจริงชาวบ้านที่นี่ อยู่มาก่อนนั้นแล้ว ในประเด็นระบบนิเวศป่า ในรายงานอีไอเอก็เขียนไม่ตรง เขียนว่าจะเอาน้ำมาให้ชาวบ้านทำการเกษตร แต่ชาวบ้านไม่มีนา พึ่งพารายได้จากป่าเท่านั้น รายงานระบุว่ามีปลาเพียง 30 ชนิด แต่ชาวบ้านมานั่งนับแล้ว มีปลาในแม่น้ำเกิน 60 ชนิด
ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล  

ภายในงานยังได้มีการจัดเวทีเสวนา โดยนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ กล่าวว่า รายงานอีไอเอไม่รอบคอบ และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โครงการผันน้ำงบประมาณกว่า 1.7 แสนล้านบาท ไม่มีเงินลงทุน แต่รายงานกลับได้รับการอนุมัติ ขณะที่คณะกรรมการลุ่มน้ำ ก็ยังไม่มีการอนุมติว่า จะมีการผันน้ำจากลุ่มน้ำสาละวิน การผันน้ำข้ามลุ่ม ต้องแจ้งและขอความเห็นชอบ จากคณะกรรมการทั้งสองลุ่มน้ำ ที่สำคัญโครงการนี้เป็นการลงทุนขนาดใหญ่

“ที่ อ.อมก๋อย การก่อสร้างอุโมงค์ จะต้องมีดินมากองในที่ดินชาวบ้าน เศษดินนับล้านคิว จะเกิดอะไรกับชาวบ้าน แล้วไปบอกกว่า ชาวบ้านอยู่ในเขตป่าสงวน เขาบอกว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับชาวบ้าน ไหนจะมีจุดพักคนงาน ถนนขนดิน แต่ในรายงานอีไอเอ ไม่ได้เขียนไว้เลย ที่สำคัญคือต้องไม่เข้าไปเกี่ยวกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในรายงาน”
ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล  

จี้รัฐบาลทบทวนผลการประเมิน EIA 

ผศ.มาลี สิทธิเกรียงไกร คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการนี้ใหญ่มาก แต่เมื่อเราลงพื้นที่ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่ทราบมีโครงการนี้ มาทราบเมื่ออนุมัติอีไอเอแล้ว โดยกรมชลประทานเข้ามาชี้แจง 2 - 3 ชั่วโมงแล้วกลับ โดยไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านตั้งคำถามว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องสูญเสียจะเป็นอย่างไร

ในอีไอเอบอกว่า ที่แม่เงามีบ้านที่ได้รับผลกระทบ 4 หลัง เป็นไปได้อย่างไร กระบวนการทำอีไอเอ ถ้าได้ฟังความคิดเห็นและลงพื้นที่จริง แต่กลับไม่มีบริบทประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อีไอเอควรมีข้อมูลหนักแน่นกว่านี้ รัฐบาลควรทบทวนโครงการนี้ โดยเฉพาะการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรจัดทำใหม่ เพราะในอีไอเอฉบับเก่าไม่ครอบคลุมโดยเฉพาะความสูญเสียของชาวบ้าน

“คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ควรลงมาดูพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่เขียนไว้ในอีไอเอ เป็นอย่างที่เสนอหรือไม่ มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดความสูญเสียมากมาย ต้องศึกษาให้ดีว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำยวม เหมาะสมหรือเพียงพอที่จะผันน้ำหรือไม่ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ใครที่จะมาหาเสียงแถวนี้ ควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ฟังเสียงชาวบ้านและยุติโครงการ” 

ในช่วงท้ายชาวบ้าน ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ ของเครือข่ายชุมชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน มีเนื้อหาว่า ในวันนี้ พวกเราที่จะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากโครงการสร้างเขื่อนเก็บนํ้ายวม เพื่อผันนํ้าสู่ เขื่อนภูมิพล เห็นพร้อมตรงกันว่า 

1.การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ขาดการมีส่วนร่วม และไม่รับฟังความคิดเห็นของชุมชน ผลการศึกษาจึงไม่ตรงประเด็น และขาดข้อเท็จจริงของชุมชมและสิ่งแวดล้อม นับเป็นการลิดรอนสิทธิชุมชน และลดทอนการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามหลักประชาธิปไตย 

2.หากดําเนินโครงการตามผลการศึกษานี้ จะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากจะเกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างถาวร ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวิถีชีวิตและ เศรษฐกิจชุมชนที่พึ่งพิงธรรมชาติโดยเฉพาะป่าและนํ้า ซึ่งเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ และไม่สามารถแก้ไขได้ในภายหลัง แตกต่างจากผลการประเมินในอีไอเอ พวกเราทุกคนจึงมมีมติให้ยกเลิกอีไอเอฉบับนี้ และขอให้ถอนโครงการผันน้ำ รวมทั้งทุกโครงการที่เกี่ยวข้องออกไป

ทั้งนี้ บรรยากาศการจัดงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีการจัดนิทรรศการแสดงวิถีชีวิต ของชุมชนที่พึ่งพาแม่น้ำและป่า โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ของหลายหน่วยงาน มาร่วมสังเกตุการณ์นับสิบนาย
ชาวบ้านนับร้อย เดินขบวนคัดค้านโครงการผันน้ำยวม หวั่นเสียหายมหาศาล

logoline