
6 กุมภาพันธ์ 2566 จากกรณีรถตู้ของหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ บุรีรัมย์ ถูกกลุ่มวัยรุ่นใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ปาระเบิดใส่จนรถได้รับความเสียหาย ระหว่างทำงานช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง อ.นางรอง เพื่อป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทของวัยรุ่นในงานกาชาดประจำปีของ อ.นางรอง ตามโครงการ "ส่งน้องกลับบ้าน" เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวัยที่ 5 ต่อวันที่ 6 ก.พ.2566 โดยหลังเกิดเหตุตำรวจสามารถควบคุมตัววัยรุ่นอายุ 17-19 ปี จำนวน 4 คน ที่เหลือจอดรถทิ้งไว้แล้วหลบหนี
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นมาได้อีก 8 คน รวม 12 คน อายุตั้งแต่ 15-19 ปี ทั้งหมดเป็นชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยมีผู้ปกครองต่างเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของบุตรหลาน
จากการสอบถามวัยรุ่นทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้เอาระเบิดขว้างใส่รถกู้ภัยจริง เป็นระเบิดแบบกระแทก ทำกันเอง เพราะไม่พอใจและคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่พยายามไล่ออกมาจากงานกาชาด แต่ไม่ได้ยิงปืนใส่กู้ภัย เพราะไม่มีปืน มีเพียงแท่งเหล็กที่ตัดมาทำคล้ายเหมือนปืนปากกา เพื่อเอามาไว้ขู่คู่อริหากเกิดมีเรื่องกัน
ขณะที่ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ย่าของวัยรุ่น อายุ 18 ปี เรียนชั้น ม.6 หนึ่งในผู้ปกครอง บอกว่า หลังจากทราบข่าวรู้สึกเสียใจที่ไปทำกับหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ เพราะที่ผ่านมา คนในหมู่บ้านเคยเรียกให้ไปช่วยเป็นประจำ ชาวบ้านต่างภูมิใจและพอใจในการทำงานของหน่วยกู้ภัยชุดนี้ แต่กลับโดนทำร้ายเอง จึงตามมาเพื่ออยากจะขอโทษกู้ภัย
ด้าน นายวรบดินทร์ รุ่งโรจน์ชัยกุล หัวหน้ากู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ บอกว่า เหตุการณ์แบบนี้ กู้ภัยไม่เคยเจอมาก่อน คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นรถกู้ภัยจะดีใจ เพราะไม่คิดทำร้ายใคร ตรงกันข้ามจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกรูปแบบ ยอมรับว่าแค้นใจไม่หาย เพราะวิถีสะเก็ดระเบิดตรงกับศีรษะเจ้าหน้าที่กู้ภัยพอดี แต่สะเก็ดระเบิดไปโดนกล่องเครื่องมือแพทย์ซึ่งทำเป็นไม้ ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปไม่ถึง
ต่อมา พ.ต.อ.กำพล วงษ์สงวน ผกก.สภ.นางรอง ได้ลงมาเจรจาเป็นตัวกลางให้กับทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดกระแสต่อต้านกัน ประกอบกับอีกกลุ่มเป็นเยาวชน เบื้องต้นเพื่อเป็นการปลอบใจหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ ให้เยาวชนทั้ง 12 คนไปกราบรถตู้ของหน่วยกู้ภัย เพราะถือว่ารถคันนี้ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนมาเป็นจำนวนมาก ตามคำพูดของหน่วยกู้ภัย และให้ขอโทษหน่วยกู้ภัยต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนทางคดีตำรวจก็จะดำเนินการไปตามกฎหมาย เบื้องต้นได้ตั้งข้อหา ร่วมกันกับพวกพกพาอาวุธมีดไปในเมืองไม่มีเหตุอันสมควรและทำให้เกิดเสียงดัง หรือกระทำการอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจและเดือดร้อน
พ.ต.อ.กำพล กล่าวต่อว่า งานกาชาดนางรองให้เข้าฟรี แต่ภายในเวทีคอนเสิร์ต จะต้องซื้อบัตรเข้า แต่วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่มีเงินซื้อตั๋วเข้าดูคอนเสิร์ต เจ้าหน้าที่จึงให้ไปอยู่ในที่สว่างเพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาท จุดนี้ซึ่งอาจจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ประกอบกับการคึกคะนองของวัยรุ่นจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ชมคลิปเหตุการณ์