svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

สลด! ลูกป่วยจิตเวช.ใช้ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ทุบหน้าแม่ดับ

30 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สลด! ลูกป่วยจิตเวช.ใช้ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ทุบหน้าแม่ดับ ผู้ก่อเหตุยังให้การสับสน และปฏิเสธเป็นผู้ลงมือปลิดชีวิตมารดา

30 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (29 ม.ค.) พ.ต.ท.สมผล ศรีไสล สว.สอบสวน สภ.หนองแสง ต.นาดี อ.หนองแสง จ.อุดรธานี รับแจ้งว่า มีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิตภายในบ้าน ต.นาดี ซึ่งเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด สร้างอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ โดยผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือด อยู่บริเวณหน้าประตูห้องโถงชั้นล่าง และพบผู้ต้องสงสัยคือ นายศุภชัย หรือ จ่อย ลูกชายที่มีอาการทางจิตเวช รักษาอาการมาต่อเนื่องราว 10 กว่าปี และอาศัยอยู่บ้านที่เกิดเหตุกับแม่ตามลำพัง 2 คน นั่งเครียดอยู่หน้าบ้าน โดยพูดจาไม่รู้เรื่อง ญาติจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก   

ในขณะที่ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี, พ.ต.อ.จักรทิพย์ กูลพฤกษี ผกก.สภ.หนองแสง, พ.ต.ท.สมศักดิ์ สุทรรัตน์ รอง ผกก.ป.สภ.หนอแสง, พ.ต.ท.กษิดิศ โชติศิริ สว.สส.สภ.หนองแสง, พ.ต.ท.มนต์ชัย ไชยกูล สวป.สภ.หนองแสง, พ.ต.ท.สมผล ศรีไสล สว.สอบสวน สภ.หนองแสง ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุดรธานี, นายสายทอง นามศรี กำนัน ต.นาดี อ.หนองแสง พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน ตำรวจป้องกันและปราบปราม สภ.หนองแสง แพทย์เวร รพ.หนองแสง และรถกู้ชีพ ทต.นาดี

สลด! ลูกชายมีอาการจิตเวช ใช้ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ทุบหน้าแม่ดับ

ร่วมกันตรวจสอบสภาพศพนางมะลิ พรหมสว่าง อายุ 72 ปี ถูกนายศุภชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ลูกชายป่วยจิตเวช ใช้ปูนปลาสเตอร์รูปหมูทุบหน้าเสียชีวิตภายในบ้าน ต.นาดี อ.หนองแสง สภาพศพสวมเสื้อคอกระเช้าลายดอกสีชมพูเขียว นุ่งผ้าถุงสีม่วง ไม่สวมรองเท้า ใบหน้าด้านขวาบริเวณเบ้าตาถูกของแข็งทุบหลายครั้งจนกะโหลกด้านหน้าแตก เลือดปนมันสมองไหลนองพื้น

โดยแพทย์ระบุถูกฆาตกรรมตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 29 ม.ค. ก่อนญาติมาพบตอนช่วงสาย ตรวจสอบรอบๆบริเวณพบร่องรอยการต่อสู้ และพบปูนปลาสเตอร์รูปหมูเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ชิ้นและปูนปลาสเตอร์เด็กผู้หญิงและรูปไก่ที่มีรอยแตกบางส่วนทั้ง 2 ชิ้น ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย 

จากการสอบสวนนายศุภชัย ยังให้การสับสน และปฏิเสธไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าแม่ของตนเอง แต่ตนได้กราบลาเพื่อขออโหสิกรรมกับแม่แล้ว และไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนถูกตำรวจควบคุมตัวมาโรงพัก รู้สึกเสียใจที่แม่เสียชีวิต แม่ไม่ด่า แต่จะชอบบ่น ตนคงไม่ได้บวชให้แม่ เพราะได้บวชให้แม่แล้ว ตนก็อยากบอกแม่เพียงสั้นๆว่า ถึงฝั่งฝันและเวลาชีวิตแล้ว 

ด้านนางสาวเจษฎา พรหมสว่าง อายุ 64 ปี อดีตนายกเทศบาลตำบลนาดี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตอนเช้าญาติพี่น้องมารับผู้ตายไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่น้องสาว ที่อยู่ในหมู่บ้านนาดี ต.นาดี และมาพบนายศุภชัย หลานชายของตนยืนหน้าบ้าน และบอกตนว่าแม่นอนไม่ตื่นแล้ว พี่ชายจึงขอเข้าไปดูแต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะหลานชายบอกว่าทำกุญแจหาย นายศุภชัย จึงไปเอาบันไดอลูมิเนียมมาให้พี่ชาย ปีนข้ามรั้วหลังบ้านเข้าไปก็พบว่าพี่สาวนอนเสียชีวิต ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

เลือดสาดกระจายเต็มบ้าน

ตอนนั้นพี่ชายของตนไม่กล้าบอกตน เพราะกลัวหลานชายทำร้าย และทำทีโทรศัพท์บอกตนว่า จะออกไปทำธุระ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ก่อนโทรมาบอกตนและญาติๆ ซึ่งอยู่ในงานขึ้นบ้านใหม่ว่าพี่สาวเสียแล้ว เมื่อเสร็จงานตนและกลุ่มญาติ จึงมาที่บ้านพบหลานชายยืนในรั้วบ้าน ตนจึงถามว่าทำไมไม่เปิดประตู 

“หลานชายบอกว่ากุญแจหาย ตนก็ได้ถามว่าแม่ตื่นหรือยัง หลานชายบอกว่าแม่ตายแล้ว ตนถามใครทำเพราะจ่อยอยู่กับแม่ 2 คน หลานชายตอบตนว่าอยู่กัน 2 คนจริง แต่ไม่ได้ทำอะไรแม่ ตนก็ถามย้ำไปอีกว่าใครทำร้ายแม่ หลานชายก็บอกไม่รู้ เมื่อตำรวจมาถึงได้ตัดกุญแจประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไปดู ต้องพากันตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลานชายป่วยจิตเวชมาสิบกว่าปีแล้ว และตำรวจเคยมาจับตัวไปรักษาอาการ โดยเฉพาะช่วงที่มีอาการคุ้มคลั่งก็มาควบคุมตัวส่ง รพ.เป็นประจำ ส่วนหลานชายขาดยาหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่ขาด เพราะเขากินยารักษาเป็นประจำ แต่คนที่เป็นโรคแบบนี้ หากถึงวันพระจะมีอาการแบบนี้ตลอด และหากมีอาการเขาก็จะบอกว่าไม่ค่อยสบาย และพูดจาอยู่คนเดียว ตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากเพราะกลัวเขาคลุ้มคลั่งอาละวาดอีก”

พล.ต.ต.พิษณุ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสืบค้นพยานหลักฐานพบว่า ลูกชายผู้เสียชีวิตป่วยจิตเวช และมีร่องรอยแผลที่นิ้วก้อยด้านขวา จากการใช้ปูนปลาสเตอร์รูปหมูที่เปื้อนเลือด และมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ทุบหน้าแม่ของตนเองหลายครั้งจนเสียชีวิต เชื่อว่าในบางจังหวะที่ผู้ก่อเหตุ ใช้มือด้านขวากำปูนปลาสเตอร์ทุบหน้าแม่นั้น อาจจะพลาดไปกระแทกกับพื้น ทำให้ปลายนิ้วก้อยแตกเป็นแผลที่ยังใหม่และสด จึงมั่นใจว่าลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุ เคยมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช ทาง ตร.สภ.หนองแสง เคยนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์กรุงเทพฯ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว และมีการยืนยันด้วยว่าเคยนำไปรักษาอาการจิตเวช จากการใช้สารเสพติดในขณะนั้น 

กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุอาการไม่ดี จึงเข้าไปพบแพทย์ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และได้จ่ายมาให้ผู้ก่อเหตุกิน ตรวจสอบปัสสาวะผู้ก่อเหตุก็ปกติไม่พบสารเสพติด ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ทางเราได้แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา (บุพการี)” ส่งตัวฝากขังเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการ หรือให้ลงความเห็นว่า ในช่วงที่เขาก่อเหตุนั้นมีความรับผิดชอบชั่วดีหรือไม่

ถ้ามีอาการป่วยจิตเวชจริง การดำเนินสำนวนก็จะหยุดไว้จนกว่าผู้ก่อเหตุจะรักษาอาการหาย หรือมีสติ จึงจะเริ่มสำนวนคดีต่อ แต่ถ้าแพทย์ลงความเห็นว่าสติเขายังดีอยู่ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และเรามีความมั่นใจว่าคดีนี้ไม่ซับซ้อน เพราะมีวัตุพยาน หลักฐานในทีเกิดเหตุครบถ้วน

ยารักษาอาการจิตเวชของลูกชายผู้เสียชีวิต

logoline