อดีตครูสาววิ่งราวทอง สารภาพติดหนี้นอกระบบ ถูกกดดัน เกรงครอบครัวไม่ปลอดภัย
อดีตครูสาววิ่งราวทอง 2 บาท ถูกพนักงานร้านไล่จับตัวได้ ที่ร้อยเอ็ด สารภาพ ก่อเหตุเพราะติดหนี้นอกระบบ ถูกเจ้าหนี้ข่มขู่-กดดัน เป็นห่วงความปลอดภัยครอบครัว ที่มีพ่อแม่สูงอายุ ลูกก็ยังเล็ก เลยหาทางออกไม่ได้ ตัดสินใจลงมือด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
17 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.เสลภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี กรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อดีตครูโรงเรียนเอกชน วิ่งราวเลสข้อมือทองคำหนัก 2 บาท จากห้างทองแห่งหนึ่ง ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ถูกพนักงานหญิงในร้านทองถีบเพื่อหยุดยั้งไว้ ขณะจะขี่จยย.หลบหนี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยเช้าวันนี้ (17 ม.ค.2566) มีเจ้าของจยย. ซึ่ง น.ส.เอ ใช้ในการก่อเหตุ มาพบพนักงานสอบสวน พร้อมกับนำหลักฐานมายืนยันการเป็นเจ้าของรถดังกล่าว ว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากรถคันดังกล่าวโดนเพื่อนคนนึงยืมไป แล้วสุดท้ายกลับถูก น.ส.เอ มาใช้วิ่งราวทองคำ โดยยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็น เพื่อจะขอรับรถคืน
จากนั้น นายครรชิต วรรณชา ศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ด และ ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.ธวัชบุรี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอพบ น.ส.เอ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุการก่อเหตุ และหาแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีพ่ออายุ 71 ปี แม่อายุ 70 ปี และลูกชายอายุ 6 ขวบ อยู่ในความดูแล
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง ส่วนปมเหตุเกิดจากก่อนหน้านี้ได้ไปกู้ยืมเงินจากนายทุนเงินกู้รายหนึ่งมา 70,000 บาท และได้ผ่อนชำระไปส่วนนึงแล้ว เหลือวงเงินอีกประมาณ 50,000 บาท แต่ถูกข่มขู่จากเจ้าหนี้ กลัวว่าทางครอบครัวจะโดนเจ้าหนี้ทำร้าย จึงเป็นเหตุให้คิดสั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบมาก่อเหตุดังกล่าว จนกระทั่งถูกจับกุมได้ เพิ่งรู้สึกสำนึกเสียใจ ที่ความเป็นห่วงคนในครอบครัว ทำให้เกิดการก่อเหตุโดยขาดการยั้งคิด
หลังจากที่ตนเองหย่าร้างกับสามี แล้วพาลูกกลับมาอยู่บ้านใน จ.ยโสธร แล้วมาสมัครเป็นครูที่โรงเรียนเอกชน ไม่นานก็จำเป็นต้องมาก่อเหตุ เพื่อหาเงินใช้หนี้นายทุนที่กดดัน ข่มขู่ ตลอดเวลา เพื่อหวังจะนำเงินไปแก้ปัญหา จนถูกจับกุมตัวได้
ขณะที่ ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนมีข้อมูลพื้นฐานของครูที่ก่อเหตุไม่มาก เนื่องจากเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึง 1 เดือน โดยไม่ทราบมาก่อนว่าครูคนดังกล่าวมีปัญหาเรื่องการเงิน จากการกู้เงินจนเป็นเหตุให้มีการก่อเหตุขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุ ครูคนดังกล่าวได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา แล้วจึงไปก่อเหตุ เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นสำนึกที่ดี จึงมาหาเพื่อจะช่วยเหลือหาทางออกให้โดยไม่เกี่ยวกับคดี เพราะถือว่าเป็นเรื่องของตำรวจ แต่มาปรึกษา เพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของครูคนนี้เท่าที่จะทำได้ ด้วยความเห็นใจ จึงมาขอรับทราบรายละเอียดและเตรียมที่จะดำเนินการต่อไป
ด้าน นายครรชิต วรรณชา ศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือครู ซึ่งเป็นครูในสังกัดโรงเรียนเอกชน เป็นเรื่องความรับผิดชอบของผู้บริหารโรงเรียน ที่จะต้องรับผิดชอบให้ความช่วยเหลือเยียวยาโดยอยู่นอกเกณฑ์ที่ทางกระทรวงศึกษาที่จะดำเนินการใช้เงินกองทุนเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นข้าราชการครูในสังกัดของภาคส่วนราชการ อย่างไรก็ตาม จากการลงศึกษาปัญหาก็จะมีการศึกษากับผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชน เพื่อหาทางช่วยเหลือครอบครัวของผู้ก่อเหตุรายดังกล่าว เท่าที่จะดำเนินการได้
ด้าน พนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า จากการสอบสวนต้นเหตุของการเกิดเหตุดังกล่าว เท่าที่สืบสวนสอบสวนบันทึกปากคำ เห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีจิตสำนึก หรือสามัญสำนึกของการเป็นคนร้าย แต่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของการหาทางออกไม่ได้ แต่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตามเหตุที่เกิดขึ้น
โดยเบื้องต้น ตั้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ด้วยการใช้ยานพาหนะ ตามความผิด เป็นคดีแรก ส่วนกรณี เจ้าของรถมาให้ปากคำ และแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยืมรถจักรยานยนต์มาจากบุคคลอื่นอีกทอดหนึ่งนั้น ก็จะต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลว่า เป็นการยืมมาจริงหรือไม่ แต่หากเป็นการลักรถจักรยานยนต์มาก่อเหตุ ก็จะมีโทษเพิ่มขึ้นอีก 1 คดี จึงจะต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป