15 มกราคม 2566 จากกรณี กลุ่มเจ้าถิ่นยกพวกชักปืนขู่ นายคมกฤษ หรือ เจมส์ อายุ 27 ปี พ่อค้าขายใบกระท่อม และถูกรุมทำร้ายก่อนพยายามลากขึ้นรถ จนแฟนสาวต้องก้มกราบขอชีวิต จึงยอมปล่อยก่อนจะกระหน่ำตีไม่ยัง หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ราดน้ำมันจุดไฟจะเผาร้าน ก่อนจะขึ้นรถพากันหลบหนีไป ซึ่งเหตุเกิด ภายในซอยวัดเสาธงกลาง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อกลางดึกวันที่ 13 ม.ค.66 จนกระทั้งสามารถจับกุม นายไพศาล หรือมด อายุ 33 ปี พร้อมพวกอีก 3 คน ได้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ม.ค.66 ที่ผ่านมา
โดยนายมด หนึ่งผู้ก่อเหตุ ได้เปิดใจเล่าว่า ตนเองถูกคู่กรณีมาตีก่อน สาเหตุมาจากกลุ่มของผู้ก่อเหตุไปปิดล้อมรุ่นน้อง จนมีการโทรมาแจ้งว่ารู้จักกับตนเอง จึงมาหารุ่นน้องที่ร้านดังกล่าว ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มากับภรรยา พอมาถึงก็เอ่ยปากขอตัวรุ่นน้องกลับ แต่กลับถูกอีกฝ่ายรุมตีจนภรรยาตกจากรถจักรยานยนต์ และวิ่งหนีตายพากันกลับบ้าน ต่อมาวันรุ่งขึ้นด้วยความแค้นจึงชักชวนเพื่อนๆ ออกมาเอาคืน ตามภาพวงจรปิด
ล่าสุด นายมอส พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมาพบผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมจากสังคมและขอให้ฟังความสองฝ่าย พร้อมนำคลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ นายมด นายมอส / นายตี้ ภรรยานายตี้ / และภรรยานายมด ได้พากันขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน ไปที่ร้านของนายเจมส์ (คนเจ็บ) เพื่อเคลียร์กัน ก่อนที่จะพากันขี่รถจักรยานยนต์แยกย้ายกันหนี โดยมีกลุ่มวัยรุ่นนับ 10 คน พร้อมอาวุธครบมือ วิ่งไล่มา ก่อนที่ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุมจับภาพขณะที่
หนึ่งในกลุ่มของนายมด จะวิ่งเข้าไปภายในซอยโดยมีวัยรุ่นวิ่งตามมา 2 คน พร้อมก่อนจะมีรถจักรยานยนต์ขี่ตามหลังมา 2 วัยรุ่นดังกล่าวจะหันกลับมา แล้วใช้อาวุธในมือฟาดเข้าไปที่หลังของคนขี่รถจักรยานยนต์ ก่อนจะเดินกลับไปทางสามแยก
ขณะที่กล้องบริเวณหน้าคลังสินค้าแห่งหนึ่ง สามารถจับภาพขณะที่กลุ่มของนายมด 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณป้อมยาม ก่อนจะมีวัยรุ่น 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา กลุ่มของนายมด 2 คน จึงวิ่งหนีเข้าไปภายในคลัง
ส่วนวัยรุ่น 1 คนได้วิ่งตามไปอีก 2 คนได้ขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่ตามไปจากด้านนอกคลังสินค้าก่อนที่ทั้งหมดจะหลุดกล้องไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 และนายมอส ยังนำใบแจ้งความที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.บางเสาธง มายืนยัน อีกทั้งยังเปิดบาดแผลที่ถูกคู่กรณีใช้มีฟันกลางหลัง ให้ผู้สื่อข่าวดู
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายมอส ออกมาให้สัมภาษณ์เล่า เหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังพร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิด โดยบอกว่า คืนวันที่ 12 ม.ค.66 เวลาประมาณ 03.00 น. ขณะที่ ตนเอง และ พี่ชายอีกคนที่ชื่อตี้ และ ภรรยา รวมทั้งหมด 3 คน เลิกงานกำลังจะต้องพากันขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่มาทราบเรื่องจากคนในคลังว่า ถูก บังนาน และ นายเจมส์ พร้อมพวกดักรอทำร้ายร่างกาย อยู่ทางกลับบ้าน อีกทั้งฝั่งคู่กรณียังเอ่ยปากอ้างชื่อ นายดม ที่เป็นพี่ชายของตนเอง ว่ารู้จักกับนายมดพี่ชาย ตนจึงโทรตาม นายมด ให้ออกมาช่วยเคลียร์ให้เพราะถูกอีกฝั่งดักรอทำร้าย จนนายมด ขี่รถจักรยานยนต์มากับภรรยา ในชุดนอน เพื่อมารับกลุ่มตนเองออกจากคลัง
จากนั้นนายมด จึงพาตนเองและคนอื่นรวมทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย ตนเอง นายตี๋ นายมด ภรรยาของนายมด และภรรยาของนายตี๋ พากันขี่รถจักรยานยนต์ไปที่หน้าร้านของนายเจมส์ ที่ขายใบกระท่อมอยู่ เพื่อนายมด จะเจรจาขอให้ตนเองได้กลับบ้าน แต่พอไปถึงและจอดรถก็ถูกฝ่ายของ นายเจมส์ และ บังนาน เข้าทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ไม้เบสบอลตีที่หัวของ นายมด จากนั้นพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเพื่อนของคู่กรณีเกือบ 10 คน ที่ดักรออยู่ในตลาดฝั่งตรงข้ามร้านขายใบกระท่อม พากันวิ่งกรูเข้ามาจะทำร้าย โดยมีมีดติดมือกันมาเกือบทุกคน ทำให้ตนเองและเพื่อนในกลุ่มต่างแตกกระเจิงจนต้องบิดจักรยานยนต์หนีตายแยกกันไปคนละทิศคนละทาง
ขณะที่ ภรรยาของนายตี๋ ต้องทิ้งรถวิ่งหนีตายมาอีกฝั่งของถนนแต่ถูก นายเจมส์ ยกพวกพร้อมมีดวิ่งไล่ทำร้ายจนไปล้มลงบนถนนจนกระทั่งมีการร้องขอชีวิต ส่วนภรรยาของนายมด วิ่งหนีไปอีกทางจนรอดชีวิตเช่นกัน หลังเกิดเหตุตนเองเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและกลับมาแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนของ สภ.บางเสาธง โดยไปขอดูกล้องบริเวณดังกล่าวจาก อบต.บางเสาธง ซึ่งสามารถจับภาพได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ พ.ต.ท.ชินทัตต์ วิเชียรเจริญ สว.สส.สภ.บางเสาธง เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้หลังจากเกิดเหตุได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด และนำผู้เสียหายมาสอบปากคำเบื้องต้นจนทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยมีประวัติถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีมาแล้วหลายครั้ง จึงนำกำลังฝ่ายสืบสวนไปติดตามจับกุมและกดดันให้มอบตัวเกือบทั้งหมด พร้อมกับยึดของกลางดังกล่าว
ซึ่งจากการสอบปากคำพบว่าชนวนเหตุมาจากการล้างแค้นกันระหว่างกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บ ซึ่งย้อนกลับไปช่วงตีสามของวันที่ 12 ม.ค. 66 นายมดและภรรยา ถูกกลุ่มของผู้บาดเจ็บไล่ทำร้ายร่างกายจนมีการเข้าแจ้งความและพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียก ทำให้นายมด เกิดความแค้นชักชวนเพื่อน ๆ มาร่วมกันเอาคืนตามที่ปรากฏเป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวถือเป็นการก่อเหตุต่างกรรมต่างวาระ ในส่วนการไล่ทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 12 มกราคม ก็ต้องเรียกฝ่ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด และในส่วนของกลุ่มนายมด ที่ยกพวกพากันไปทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 13 มกราคม ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน เบื้องต้นทางด้านพนักงานสอบสวน แจ้ง 5 ข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ
1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งกายและจิตใจ ส่วนจะสาหัสหรือไม่ต้องรอผลแพทย์ยืนยัน
2.ร่วมกันกังขังโหน่งเหนี่ยว
3.ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์
4.ร่วมกันมีและครอบครองอาวุธปืนเถื่อนโดยผิดกฎหมาย
5.ร่วมกันพกพาอาวุธไปในทาง เมืองสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน ที่เหลือคาดว่าจะติดตามจับกุมตัวได้ในเร็วๆนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากฝั่งของผู้บาดเจ็บว่า มีผู้ใหญ่ในพื้นที่บางคนโทรมาเสนอให้เงินสด 50,000 บาท เพื่อให้เรื่องจบและไม่ต้องดำเนินคดี แต่หากไม่รับข้อเสนอเรื่องอาจไม่จบและไม่รับรองความปลอดภัย ทำให้ผู้เสียหายยังหวาดกลัวต่ออิทธิพลดังกล่าว จึงวอนตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งผู้เสียหายยืนยันไม่รับข้อเสนอดังกล่าวและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด