ผัวทาสยาบ้า คลั่งจับลูก-เมียเป็นตัวประกัน หวั่น ถูกพรากแยกจากกัน (มีคลิป)

3 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กลางดึกคืนที่ผ่านมา (2 ม.ค.) เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุธไธสวรรย์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือว่า มีคนเกิดอาการคลั่งจากยาเสพติด ใช้อาวุธมีดจับลูกและเมียเป็นตัวประกันไว้ในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง นำกำลังไปตรวจและให้การช่วยเหลือ โดยพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง ภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท เปิดไว้เพียงไฟใต้ถุนบ้านเท่านั้น มีเสียงผู้ชายตะโกนด่าทอและไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอยห่างออกไป มิเช่นนั้นจะแทงตัวประกันทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังถอยออกมาและคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

สอบถาม น.ส.เตย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ผู้ที่ก่อเหตุคือพ่อของตนเอง ชื่อ นายชา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี จับแม่และน้องอายุ 13 ปี และ 3 ปี รวม 3 คน เป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้าน ซึ่งปกติพ่อจะทำร้ายแม่เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากพ่อเสพยาบ้า ตนเองเคยขอร้องให้แม่ออกไปอยู่ที่อื่น เพราะสงสารแม่ แม่จึงย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าได้เพียง 4 วัน ก็มีญาติของพ่อโทรศัพท์ไปบอกแม่ว่า พ่อหกล้มไม่สบาย ให้รีบกลับมาดูแล ตนเองบอกแม่ว่าอย่ากลับไป จนช่วงค่ำแม่เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ และมีปากเสียงทะเลาะกับพ่อเหมือนเดิม พ่อมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายแม่ และใช้อาวุธมีดข่มขู่ จากนั้นก็จับแม่และน้องๆ ไว้เป็นตัวประกัน ขังอยู่ภายในบ้าน ต่อมาน้องสาวแชทมาบอก ตนเองจึงรีบตามมาดู ก็พบว่าแม่ถูกพ่อขังไว้ในบ้าน รู้สึกเป็นห่วงแม่และน้องมาก เนื่องจากทราบมาว่าพ่อเสพยาบ้าไป จนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ระแวงว่าแม่จะหนีไปอยู่ที่อื่น

ล่าสุดเช้าวันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อท้องฟ้าสว่าง นายสุเทพ บุญแจ้ง กำนันตำบลปากจั่น ญาติและเพื่อนสนิทของผู้ก่อเหตุได้เข้าเจรจาอีกครั้ง ใช้เวลานานเกือบ 30 นาที กระทั่งผู้ก่อเหตุไว้ใจ ยอมออกจากบ้าน  จากนั้นกำนันและตำรวจได้พาขึ้นรถซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกไปสงบสติอารมณ์ ทำให้ตัวประกันทั้งเมียและลูกอีก 2 คน ปลอดภัยแล้ว ขณะที่ญาติบางส่วนได้ตำหนิต่อว่านักข่าวที่เข้ามาติดตามรายงานข่าว พร้อมระบุว่า หากละเมิดจะฟ้องทุกคน

ด้านเพื่อนสนิทบอกว่า ผู้ก่อเหตุหวาดระแวงกลัวคนจะมาพรากลูกเมียหนีไป เนื่องจากที่ผ่านมาทะเลาะกัน เมียหนีออกจากบ้านไปหลายวัน พอเมียกลับมาเมื่อคืนจึงจับจี้ตัวประกันทันที เพียงต้องการอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกเมีย ไม่ให้ใครมาพรากแยกจากกัน ส่วนตัวประกันทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และญาติไม่ให้ออกจากบ้าน เก็บตัวเงียบ ทั้งนี้ทราบว่าตำรวจและกำนันได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำเบื้องต้นที่ใดที่หนึ่ง โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างไร ส่วนผู้ก่อเหตุพร้อมจะเข้ารับการบำบัด
 

ต่อมา พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.นครหลวง ซึ่งลงมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เปิดเผยว่า จากการพูดคุยทราบว่า ผู้ก่อเหตุเสพสารเสพติดเมื่อ 4–5 วันที่แล้ว และมีปัญหากับภรรยาและลูก ตอนนี้ผู้ก่อเหตุป่วย จึงอยากให้มีคนดูแล จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีอาวุธร้ายแรง แต่ที่บอกว่ามี ที่บอกว่าจะฆ่าปาดคอ เพียงแค่พูดข่มขู่เท่านั้น

เพื่อไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปวุ่นวายกับเขา ทั้งนี้เขายอมรับว่าเสพยาบ้า และสมัครใจเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดสารเสพติดของ ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จากนี้ทางตำรวจซึ่งมีโครงการตำรวจชุมชนอยู่แล้ว จะติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า จะเลิกเสพสารเสพติดหรือไม่ ส่วนการขยายผลทางคดีนั้น ผู้ก่อเหตุบอกว่าซื้อยาบ้ามาจากชุมชนหนึ่งในหมู่ 4 ต.ปากจั่น จึงจะให้ชุดสืบสวนเพื่อจับกุมผู้ค้าต่อไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ในสภาพอิดโรย เนื่องจากไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เพราะระแวงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปจับ ยอมรับว่าเสพยาบ้าจริงก่อนวันก่อเหตุได้ 3 วัน เสพไปประมาณ 5–6 เม็ด ซื้อมาในราคาเม็ดละ 30 บาท ที่ทำลงไปเพราะหวาดระแวง กลัวคนจะมาพรากลูกเมียหนี

เนื่องจากที่ผ่านมาทะเลาะกัน เมียหนีออกจากบ้านไปหลายวัน พอเมียกลับมาเมื่อคืน จึงจับเป็นตัวประกันทันที  แต่ที่ทำลงไปเป็นการข่มขู่เท่านั้น ไม่คิดจะทำร้ายลูกเมียจริง เพียงต้องการอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกเมีย ไม่ให้ใครมาพรากแยกจากกัน ขณะนี้ทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ส่วนที่บอกว่าเสพยาบ้าไป 60  เม็ด นั้นไม่จริง ตนเองพูดเฉยๆ เพื่อให้ญาติรู้ว่าตนเองเสพยาบ้าแล้วน็อก ต้องการเรียกร้องความสนใจ และให้ญาติโทรบอกภรรยาให้กลับมาดูแลเท่านั้น ตอนนี้ตนเองขอโอกาสกลับตัวใหม่ ยอมเข้าโครงการบำบัดยาเสพติดเพื่อให้หายดี อยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกับครอบครัวอีกครั้ง

เรื่องจบลงด้วยดี