25 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนกลาง นำโดย นายประทบ สุขสนาน ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนกลาง , นายสมปอง นวลสมศรี ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จ.กระบี่ ,นายบรรจงกิจ บุญโชติ ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางนิคมทุ่งสง จำกัด ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จ.นครศรีธรรมราช และนายถนอมเกียรติ ยิ่งฉ้วน ที่ปรึกษาประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงเรียกร้องไปยังรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่เกิดขึ้นมายาวนาน
นายประทบ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ภาคใต้เกิดฝนตกชุก ปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดมีน้อย แต่ราคายางพารากลับตกต่ำ โดยน้ำยางสดเหลือประมาณกก.ละ 37-40 บาท ส่วนราคาแผ่นยางรมควันชั้น 3 เหลือกก.ละ 45-46 บาท ซึ่งเดือดร้อนหนักทั้งเกษตรกรและสหกรณ์ผู้แปรรูปยางพารา จึงเรียกร้องให้รัฐบาล รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เร่งแก้ไขปัญหา
โดยเตรียมนัดประชุมใหญ่ตัวแทนเกษตรกรและเครือข่ายสถาบันเกษตรกร 6 จังหวัดภาคใต้ตอนกลางที่จ.ตรัง ในต้นเดือนธันวาคม เพื่อหารือเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องการแก้ปัญหา และเตรียมเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมารับฟัง ปัญหาเพื่อนำไปเป็นนโยบาย พรรคไหนทำได้ จะรณรงค์ให้ชาวสวนยางเลือกพรรคนั้น
ด้านนายสมปอง กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เกิดจากความล้มเหลวของรัฐบาล ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งผู้บริหาร หรือบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย ชุดเก่าที่ผ่านมา ไม่มีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหา ทำให้ทุกโครงการที่ออกมาล้มเหลวทั้งหมด ข้อเรียกร้องของชาวสวน ที่เสนอไปทำไม่ถึง 10% เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในของผู้บริหารการยาง ที่เกี่ยวพันใกล้ชิดกับกลุ่มธุรกิจผู้ส่งออกยาง และเป็นคนใกล้ชิดนักการเมือง ทำให้เกิดการเข้ามาหาผลประโยชน์
ขณะที่กยท.กำลังอยู่ระหว่างการสรรหาบุคคล เพื่อแต่งตั้งเป็นบอร์ด กยท.ชุดใหม่ ในเดือนธันวาคมนี้ โดยในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิที่จะต้องมาจากตัวแทนของเกษตรกร พบความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
ขณะที่นายถนอมเกียรติ เปิดเผยว่า วันที่ 8-9 ธ.ค.นี้ ตัวแทนเกษตรกรและตัวแทนเกษตรกรภาคใต้ตอนกลางทั้ง 6 จังหวัด ประกอบด้วย ตรัง,กระบี่,พังงา,ภูเก็ต ,พัทลุง และนครศรีธรรมราช จะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อหารือกันถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะเกษตรกรเดือดร้อนหนัก ขณะที่รัฐบาลไม่ได้สนใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ตามที่ได้ประกาศไว้ รวมทั้งการยางแห่งประเทศไทย ก็ล้มเหลวในการดำเนินโครงการต่างๆ ทุกโครงการ
สำหรับข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ประกอบด้วย
1.โครงการชะลอการขายยางที่ผ่านมา ทั้งยางก้อนถ้วย น้ำยางสด และยางแผ่นรมควัน ปรากฏว่าขณะนี้ล้มเหลว ขอให้หยุดโครงการลงชั่วคราว
2.โครงการสวนยาง SFC เพื่อสนับสนุนการจัดการป่าไม้ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป้าหมายส่งสินค้า ทั้งไม้ยางและยางพาราแปรรูปสู่ตลาดสากล แต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่สวนยางพารามีทั้งหมด 25 ล้านไร่ แต่ไม่มีความคืบหน้าในโครงการส่งออกไปตลาดยุโรป
3. โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ ก็ล้มเหลว เดิมเป้าหมายจำนวน 100,000 ตัน แต่ทำได้จริงเพียงประมาณ 1 หมื่นตันเท่านั้น ก็หยุดชะงัก เป้าหมายจะนำยางมาใช้ภายในประเทศให้ได้ 35% ก็ล้มเหลว และกลายเป็นว่าเรื่องยาง เป็นประเด็นทางการเมือง โดยขอให้รัฐออกเป็นกฎหมายกำหนดให้มีการใช้ยางในโครงการต่างๆ 5%
และ 4.ให้รัฐส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรชาวสวนยาง โดยการสนับสนุนงบประมาณ เช่น เดิมจะส่งเสริมการเลี้ยงแพะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวสวน ก็ปรากฏว่าล้มเหลวเช่นกัน
ทางด้านนายบรรจงกิจ กล่าวว่า โครงการสวนยาง SFC เพื่อส่งเสริมการส่งออกสู่ตลาดสากลนั้น จ.นครศรีธรรมราชเป็น 1 ในจังหวัดนำร่อง ตั้งแต่สมัยยุครัฐบาล คสช. เริ่มทำที่สหกรณ์การเกษตรนาบอน ปรากฏว่าพอทำได้น้ำยางไปส่งบริษัทไม่เพียงพอเข้าไลน์การผลิต เพราะพื้นที่น้อย จากนั้นไปทำที่สหกรณ์ทุ่งสง ก็ไม่ได้อีก เพราะเกษตรกรไม่มีใครเข้าร่วม ทำให้ล้มเหลว โดยจ.นครศรีธรรมราช เป้าหมายจะยกระดับสวนยางให้ได้มาตรฐาน SFC จำนวน 40,000 ไร่ แต่ทำได้จริงเพียงประมาณ 3,000 ไร่เท่านั้น รัฐควรเร่งสานต่อนโยบาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดสากล
คนิตา สีตอง รายงานจากจ.ตรัง