
7 กันยายน 2565 จากสถานการณ์น้ำท่วมโรงเรียนสมานพิชากร ซอยติวานนท์ 45 และหมู่บ้านแสงอรุณนิเวศน์ ซอยติวานนท์ 43 ต.ท่าทราย อ.มือง จ.นนทบุรี ตั้งแต่คืนวันที่ 4 กันยายน 2565 สาเหตุจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เปลี่ยนทางเดินท่อระบายน้ำ ทั้งยังทำเศษวัสดุไหลลงไปอุดตัน ทำให้น้ำฝนจากชุมชนทรายทองไม่ไหลลงคลองบางตลาด จึงทะลักท่วมโรงเรียนและชุมชนโดยรอบ
จนกระทั่ง นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง และมีคำสั่งเร่งแก้ไขให้เสร็จก่อนเที่ยงคืนวันที่ 5 กันยายนที่ผ่าน มิเช่นนั้นจะสั่งระงับการก่อสร้างโครงการชั่วคราว (อ่านรายละเอียดที่นี่)
เมื่อเวลา 21.30 น.วานนี้ (6 ก.ย.) ที่บริเวณโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู นายสมพงษ์ ทรัพย์เจริญ อายุ 60 ปี อดีตวิศวกร ซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแสงอรุณนิเวศน์ พร้อมเจ้าของบ้านในหมู่บ้านกว่า 30 คน รวมตัวเข้าพบ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และวิศวกรผู้ดูแลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพื่อหาข้อตกลงกับผู้ดูแลโครงการก่อสร้างถึงระยะเวลาขุดลอกทรายออกจากท่อระบายน้ำ เพื่อให้น้ำในชุมชนสามารถระบายลงคลองได้ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีร่วมรับฟัง
นายสมพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ลูกบ้านหมู่บ้านแสงอรุณรวมตัวกันมาจำนวนมาก เพื่อถามถึงระยะเวลาที่จะได้ท่อระบายน้ำคืน ซึ่งในหมู่บ้านมีบ้านเรือนประมาณ 100 กว่าหลัง ได้รับความเสียหายหมดทั้งหมู่บ้าน วันนี้ที่ออกมารอพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะอยากรู้แนวทางการแก้ไข และเรียกวิศวกรโครงการมาเจรจาต่อหน้าผู้ว่าฯ ว่าจะให้อะไรเป็นหลักประกันกับพวกตนบ้าง จะไปตามเรื่องหรือทำอะไรกับผู้รับผิดชอบได้บ้าง เมื่อผู้ว่าฯ รับรู้จึงถือเป็นตัวแทนประชาชน ส่วนสาเหตุที่ออกมาเรียกร้องตอนนี้ เพราะเมื่อกลางวันน้ำในหมู่บ้านแห้งจากการสูบน้ำออก ไม่ใช่จากการระบายน้ำลงท่อ แต่เมื่อฝนตกน้ำก็ท่วมเหมือนเดิม โดยมีน้ำผุดขึ้นมาจากท่อเพราะไม่มีทางระบายออก
ด้านวิศวกรโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แจ้งกับชาวบ้านว่า ช่วงนี้พายุเข้า ฝนจึงตกทุกวัน ปริมาณน้ำฝนมีมาก ต้องสูบน้ำที่ขังในโครงการและในพื้นที่ออกให้หมดจนแห้งก่อน จากนั้นขอเวลา 2 สับดาห์เพื่อติดตั้งท่อรองรับน้ำจากชุมชน โดยทางผู้ว่าฯ จะระดมเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เพื่อเร่งนำน้ำออกจากชุมชนแห่งนี้ในทันทีที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจนแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าที่ สภ.ปากเกร็ด ก็ถูกน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50-80 ซม. เต็มพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องเดินลุยน้ำเข้าแจ้งความ ซึ่งน้ำท่วมถึงหน้าห้องสืบสวนและบ้านพักข้าราชการ ตำรวจต้องประสานเทศบาลนครปากเกร็ดเพื่อเร่งสูบน้ำออก ส่วนถนนด้านหน้า สภ.ปากเกร็ด ก็มีน้ำท่วมสูง 50-80 ซม. ไม่สามารถนำรถเข้าไปจอดหรือขับผ่านได้ ขณะที่ถนนศรีสมานด้านหน้าโรงพัก ใช้ได้แค่ 2 ช่องจราจร ตำรวจต้องลุยน้ำอำนวยความสะดวกและแจ้งรถยนต์ให้หลีกเลี่ยงช่องจราจรซ้ายสุด ทำให้การจราจรติดสะสมบนถนนติวานนท์ไปถึงห้าแยกปากเกร็ด , ถนนศรีสมานติดจากแยกสรงประภาสะสมถึงบนสะพานข้ามแยกสวนสมเด็จไปถึงสะพานนนทบุรี บางช่วงระดับน้ำสูงถึง 50 ซม. ทำให้รถยนต์หลายคันถูกน้ำเข้า และจอดเสีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องช่วยเข็นหลบขึ้นที่สูง
ล่าสุดวันนี้ ( 7 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด พบว่าน้ำลดระดับลง การจราจรกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยด้านหน้าโรงพักยังมีน้ำขังถนน 2 ช่องจราจร ซึ่งเป็นทางคู่ขนาน ระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 ซม. ส่วนพื้นที่ลานจอดรถในโรงพัก น้ำลดลงหมดแล้ว
นายสุรชัย ท้องช้าง อายุ 29 ปี ลูกจ้างดูแลเครื่องสูบน้ำเทศบาลนครปากเกร็ด ประจำสถานีสูบน้ำหน้า สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า เมื่อวาน(6 ก.ย.) ตนเองไม่ได้อยู่เวร แต่ทราบว่ามีฝนตกหนัก ทำให้น้ำท่วมขังสูงถึงด้านหน้าสถานี น่าจะประมาณ 80 ซม. เทศบาลเร่งสูบน้ำซึ่งมีทั้งหมด 4 เครื่อง ตลอดทั้งคืน เช้านี้ตนเองเข้าเวรได้เดินสำรวจตามท่อระบายน้ำว่ามีขยะอุดตันหรือไม่ และคอยดูเครื่องสูบน้ำไม่ให้น้ำมันหมด เพื่อเร่งสูบน้ำที่ค้างอยู่ออกให้หมด หากฝนไม่ตกลงมาเพิ่ม
ด้านนายชาย (นามสมมุติ) พ่อค้าร้านอาหารด้านข้างโรงพัก กล่าวว่า เมื่อวานเย็นฝนตกหนักมาก มีน้ำไหลจากห้างค้าวัสดุก่อสร้างลงมาด้านหน้า สภ.ปากเกร็ด ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำท้องกระทะ ทำให้รถยนต์เครื่องดับหลายคัน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยเข็นหนีน้ำให้ โชคดีที่รถยังขับต่อได้ จนเมื่อคืนช่วง 21.00 น.น้ำเข้าท่วมลานจอดรถในโรงพักทั้งหมด โดยด้านหน้าโรงพักนั้นระดับน้ำสูงถึงต้นขา