วันสิ่งแวดล้อมโลก สงขลาประกาศเอกราช ดึงเยาวชนปกป้องคลองอู่ตะเภา

เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกในวันนี้ (5 มิ.ย.65) ที่สำนักงานก่อสร้างชลประทานที่ 11 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายไพเจน  มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสงขลา เขต 6  ร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พร้อมเยาวชนกว่า 300 คนร่วมกิจกรรมเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2565 ร่วมลงนามความร่วมมือ 4 ฝ่ายเพื่อประกาศปฏิญญา ปกป้อง "จากคลองภูมีถึงคลองอู่ตะเภา" ประกาศเอกราชสิ่งแวดล้อมสงขลา

นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เราตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสงขลาก็เพื่อหวังให้มีคณะทำงานในการขับเคลื่อนปกป้องสิ่งแวดล้อม น้ำเน่า น้ำเสีย และห้วงที่ผ่านมาเรามีชุดเคลื่อนที่เร็วในการแก้ปัญหาแม่น้ำลำคลองเหล่านี้ โดยลุ่มน้ำเหล่านี้มีความสำคัญต่อชีวิตของชาวสงขลาการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รู้สึกถึงความร่วมมือขององค์การส่วนท้องถิ่น นั่นคือชีวิตของพี่น้องในชุมชนของท่านด้วย

ด้านนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในการฟื้นฟูและคืนสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ชาวสงขลา โดยร่วมกันลงนามความร่วมมือปกป้องคลองอู่ตะเภาเพื่อนำไปสู่ปฏิญญา "จากคลองภูมีถึงคลองอู่ตะเภา" 

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในฐานะคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาว่า ต่อไปเยาวชนกลุ่มนี้จะต้องเป็นองครักษ์พิทักษ์คลองสงขลา จากพวกคุณหลอมรวมมาเป็นพวกเราถ้าเราร่วมมือกันเราจะกู้เอกราชของสิ่งแวดล้อมได้ อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมารับกรรมจากโรงงานอุตสาหกรรม เราต้องรวมพลังและพร้อมเดินไปข้างหน้าประกาศเอกราชให้สิ่งแวดล้อมกันในวันนี้

โดยเมื่อเวลา 14.00 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4  เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือของ 4 ฝ่ายพร้อมนำกล่าวปฏิญญาในการปกป้องรักษาคลองภูมีตลอดจนถึงคลองอู่ตะเภาให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลาน

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงกิจกรรมเริ่มต้นในการสร้างความร่วมมือระหว่างประชาชนในพื้นที่ เยาวชน และผู้นำท้องถิ่นในการขับเคลื่อน ปกป้อง รักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่กับชาวสงขลาสืบไป.

ภาพ/ข่าว : วิกันดา  ขันธ์แก้ว สำนักข่าวเนชั่น