11 พ.ค.65 ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยววันนี้บรรยากาศไม่คึกคักนัก แม้ว่าจะมีการเปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการภาคเอกชนกลับตั้งข้อสังเกตว่า หาดใหญ่ไม่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดด่านฯ หรือเป็นเพราะ “หาดใหญ่” ขาดจุดขายใหม่และถึงเวลาหรือยังที่ต้องปรับยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวใหม่เพื่อความอยู่รอด
นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ เปิดเผยว่า การเปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้นจริง แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือต้องมีตัวกิจกรรมเพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยว โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงช่วงเทศกาลใดๆเหมือนในอดีต
เนื่องจากปัจจุบันนี้หาดใหญ่มีกิจกรรมน้อยมาก กลายเป็นว่าตอกย้ำให้บรรยากาศที่ซบเซาอยู่แล้วทรุดหนักไปอีก ขณะที่หน่วยงานระดับท้องถิ่นอาจยังไม่ขยับมากนัก สวนทางมุมมองการท่องเที่ยวที่ในระดับท้องถิ่นต้องมีศักยภาพสร้างความประทับใจที่จะเป็นก้าวแรกในการฟื้นการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่อดีตปฎิเสธไม่ได้ว่ามาเลเซีย สิงคโปร์เป็นกลุ่มเป้าหมายแต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันจะพบว่ากลุ่มคนไทยเที่ยวไทยคือฟันเฟืองของท่องเที่ยว
ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคใต้ ยังบอกด้วยว่า 3 ปีเต็ม ที่หาดใหญ่เกิดวิกฤติการท่องเที่ยวจากโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจซบเซาหนัก โรงแรมปิดตัว ร้านอาหารปิดกิจการ และร้านค้าแผงลอยปล่อยเซ้ง-เช่า ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นช่วงเวลา 3 ปี ที่ธุรกิจหยุดนิ่งจึงเป็นปัญหาที่ฉุดโอกาสการฟื้นตัว ซึ่งหลังจากนี้จึงต้องมีการวางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใหม่เพื่อความยั่งยืนในอนาคต