30 พฤศจิกายน 2565 พรรคไทยสร้างไทย จัดประชุมกรรมการบริหารพรรค ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เพื่อรายงานความคืบหน้าผลการทำงาน โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เป็นประธาน ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายประวัฒน์ อุตตะโมต รองประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ และคณะกรรมการชุดต่างๆ เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เน้นย้ำต่อที่ประชุมและคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนว่า งานที่ได้มอบหมายมีความความหน้าเป็นอย่างดี เช่น การสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน ซึ่งแต่ละพื้นที่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย พี่น้องประชาชนให้ความสนใจร่วมเป็นเครือข่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคอื่นๆ มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายแล้วเกือบ 2 ล้านคน และคาดว่าก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง จะมีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจ เข้าร่วมเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนของพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามความก้าวหน้าในการทำงานตามคำสั่งของหัวหน้าพรรคโดยเฉพาะคณะกรรมการแต่ละชุดซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันออกไปเช่นกรรมการบริหารพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีนายประวัฒน์ เป็นตัวแทน เปิดเผยว่าขณะนี้พรรคไทยสร้างไทยมีความพร้อมสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ที่คัดสรรจนได้คนที่มีคุณภาพเกือบครบทุกเขตแล้ว เช่นเดียวกับตัวแทนประจำเขต สาขาพรรค ก็มีความสมบูรณ์และพร้อมสำหรับการเลือกตั้งหากมีการยุบสภา พรรคก็สามารถส่งผู้สมัครได้ทันที
ดร.โภคิน เปิดเผยว่า ภายใน 2 สัปดาห์พรรคไทยสร้างไทยจะเสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ร่างกฎหมายที่แขวนการบังคับใช้กฎหมายและหลักเกณฑ์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับการอนุมัติอนุญาต ให้คงเหลือ 1-200 ฉบับจากประมาณ 1,500 ฉบับ ฉบับ 2 ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการรวมตัวจัดตั้ง SME 4 ระดับ เพื่อให้พี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อ 10,000 รายชื่อ เสนอต่อประธานสภา ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะตอบสนองคนทำมาหากินทุกระดับ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก SMEs
รวมถึง การผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน สร้างประชาธิปไตยร่วมกัน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ยื่นร่างเข้าสู่สภาแล้ว
ด้านนายสุพันธุ์ ระบุว่าการจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย จะมองแค่กรอบภายในประเทศไม่ได้ แต่แต่ต้องมองทั้งภูมิภาค กลุ่มอาเซียนที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ในสามประเทศ ซึ่งสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่การแข่งขันตัดราคากันเอง ทั้งในแง่เป็นฐานการผลิต และในแง่สินค้าส่งออก ในแง่สินค้าส่งออกนั้นประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีสินค้าที่ใกล้เคียงกันและเป็นเจ้าตลาดของโลก คือ สินค้าการเกษตร เช่น ปาล์ม ยางพารา และ ข้าว หากทุกประเทศสามารถจับมือกันเพื่อที่จะตั้งราคากลาง จะสามารถทำให้เรากำหนดราคาตลาดให้กับสินค้าเหล่านี้ได้