svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“มัลลิกา” เตือน! ม็อบป่วน “เอเปค” ไร้มารยาท ทำประเทศพัง

14 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“มัลลิกา” เตือน กลุ่มชุมนุมต้าน “เอเปค” อย่าหาแสงบนความเสียหายชาติ ไร้มารยาท-ขาดความรู้เท่าทัน-ขาดกาลเทศะ ประเทศจะเสียโอกาสเพราะความสิ้นคิดคนบางกลุ่ม

14 พฤศจิกายน 2565 ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า การที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 หรือการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเราประชุมมาตลอดทั้งปี พ.ศ.2565 ในนามรัฐมนตรีเอเปค แต่สำหรับช่วงสุดยอดผู้นำเอเปคจะเกิดขึ้น 18-19 พ.ย.2565 นั้นเป็นบทสรุปที่สำคัญที่สุดแล้ว  เพราะเป็นการประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศเราก็มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ส่วนประเทศไทยของเราก็เป็นเจ้าภาพและเราเคยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ. 2535 และ 2546 เท่านั้น

"ช่วงเวลาแบบนี้เราควรจะเว้นไว้ซึ่งความคิดทางการเมือง อคติทางการเมืองหรือความไม่พอใจผู้นำทางการเมือง แต่เราควรจะทำตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกันเพราะนี่คือมารยาทและกาลเทศะ ประเทศเราไม่ได้มีโอกาสบ่อยในการเป็นเจ้าภาพระดับโลกเช่นนี้สถานการณ์โลกยิ่งมีความขัดแย้ง และปัญหาเราควรจะทำตัวให้น่ารักน่าชื่นชมเป็นเจ้าบ้านเป็นเจ้าภาพที่ดีอะไรที่จะทำให้ประเทศเสียหายก็ไม่ควรทำโดยเฉพาะความรุนแรงทั้งปวง "

“มัลลิกา” เตือน! ม็อบป่วน “เอเปค” ไร้มารยาท ทำประเทศพัง

 

ดร.มัลลิกา กล่าวว่า ประโยชน์ของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ในมิติที่เป็นประโยชน์ที่สุดคือการค้า เพราะเป็นการหารายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19เราก็นำรายได้เข้าประเทศเป็นขาหลักโดยการส่งออก และใน 21 เขตเศรษฐกิจ เขาต่างมีความมุ่งมั่นผลักดันและกำหนดทิศทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน รวมทั้งการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคประจำปี 2022 ที่ประเทศไทยกำหนดขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance”

อย่างผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธานนั้นมีความได้เปรียบและคืบหน้ามากจะรวมอยู่ในรายงานในการประชุมสุดยอดผู้นำที่กำลังจะมาถึงและถือว่าทางด้าน เศรษฐกิจการค้านั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าถ้าไม่มีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อาจจะวัดผลยากแต่ต้องยอมรับด้วยว่าสถานการณ์วิกฤติสร้างวีรบุรุษ ด้วยผลงานกระทรวงพาณิชย์ที่ขยายการค้าไปทั่วโลกทั้งตลาดดั้งเดิม ตลาดเก่า ตลาดใหม่ โดยการนำของนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

เราได้โอกาสเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้ากับคนมากว่าครึ่งค่อนโลกและผลรูปธรรมคือทุกประเทศทุกเขตเศรษฐกิจเห็นร่วมกันทางการค้าคือจะนำเอเปค ไปสู่การจัดทำ FTAAP หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific ให้เกิดขึ้นในอนาคต

จากนั้นเราจะเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของบุคคลหรือสินค้าและบริการและได้มีการตั้งคณะทำงานที่เรียกว่า APEC Safe Passage Task Force เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เรายังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกระดับตั้งแต่คนตัวใหญ่จนกระทั่งถึงคนตัวเล็ก ในระดับ SMEs และMicro-SMEs เแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง สตรีและอื่นๆ

อันนี้กล่าวถึงเพียงด้านเดียวคือด้านการค้าและเศรษฐกิจการพาณิชย์บางส่วนแต่ว่ายังมีด้านอื่นๆที่มีทั้งมิติด้านความมั่นคง  สังคม การเมือง ทรัพยากร มากมาย ล้วนเป็นเรื่องระดับโลก การที่เราจะชุมนุมแสดงความคิดเห็นอาจจะเป็นสิทธิ์แต่มันมีขอบเขตตรง กติกา-มารยาท-กฎหมาย ถ้าเราอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่ถ้าคิดและทำมากกว่านี้

อันนี้ไม่น่าจะมีใครยอมเพราะประเทศชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด การที่ใครจะหาแสง หิวแสง แล้วทำการรุนแรงใดๆรอบที่พักและสถานที่ประชุม ต่อต้านการประชุมเวทีนี้ด้วยอคติและต้องการแสดงต้วต่อใครก็ตามล้วนเป็นการทำบนความเสียหายของชาติ ไร้มารยาท  ขาดความรู้เท่าทัน ขาดกาลเทศะและถ้าคิดจะทุบการประชุมเหมือนกลุ่มเก่ารุ่นก่อนก็สิ้นคิดมาก "

logoline