10 พฤศจิกายน 2565 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม ในช่วงกระทู้ถามสด โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ต่อกรณีความคืบหน้าการดำเนินคดีกับชาวจีนซึ่งเปิดผับกลางกรุง ทั้งนี้ธุรกิจสีเทาที่เปิดในประเทศไทย กระทบต่ออธิปไตยของประเทศ และความเชื่อมั่นใจกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ดีตนขอตั้งคำถามต่อกรณีที่มีข่าวว่า เบื้องหลังของการเปิดธุรกิจสีเทาของคนจีนนั้น มีนักการเมืองใหญ่ของประเทศ อดีตนายตำรวจใหญ่ รวมถึงได้สอบถามต่อกรณีของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หือ นายหาวเจ้อ ตู้ ที่บริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งไม่ใช่พรรคเพื่อไทย จำนวน 3 ล้านบาท ถึงการตรวจสอบ รวมถึงขั้นตอน เหตุผลของการ ออกสัญชาติของนายชัยณัฐร์ พร้อมมองว่ากระทบต่อความมั่นคง เชื่อถือของประชาชน
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงแทนนายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ยอมให้บุคคลต่างด้าว ทำสิ่งผิดกฎหมายในประเทศโดยคดีที่ถูกจับกุมนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องพบว่าหลบหนี โดยอินเตอร์โพลได้ขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว
อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจสีเทาในประเทศนั้น พบมี 3 กรณี คือ หลอกลวงให้ลงทุน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสถานบริการ โดยให้บริการกับคนสัญชาติเดียวกัน ซึ่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการ หากใครผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามกฎหมาย
“กลุ่มทุนสีเทาต่างชาติประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นกระบวนการมีหลายกลุ่มเชื่อมโยงกันหมด การสืบสวนสอบสอบปัจจุบัน เน้นสืบถึงความเชื่อมโยงกันใน 3 ธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในทุกกลุ่มที่ครอบคลุมโดยเร็วอีกทั้งนายกฯ ได้เร่งรัดดำเนินการ เบื้องต้นคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน
ทั้งนี้รัฐบาลขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า กลุ่มทุนผิดกฎหมายที่กระทบต่อความมั่นคง ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ใช้ทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับกลุ่มทุนพวกนี้”
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงด้วยว่า กรณีเงินบริจาคพรรคการเมืองนั้น เป็นอำนาจที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรับผิดชอบ ฐานะกำกับดูแล อย่างไรก็ดีการออกสัญชาตนั้น นายกฯ สั่งการให้สืบสวนว่าเป็นไปตามระเบียบวิธีการหรือไม่