svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"รฎาวัญ" ชี้ ให้สิทธิ์ต่างชาติถือครองที่ดิน ห่วงคนไทยจะไม่มีที่ดินทำกิน

28 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หัวหน้าพรรคเสมอภาค ชี้ นโยบายขายที่ดินให้ต่างด้าวของรัฐบาล"ได้ไม่คุ้มเสีย" ห่วงคนไทยจะไม่มีที่ดินทำกินและซุกหัวนอน

28 ตุลาคม 2565  นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรคเสมอภาค กล่าวถึงข้อเสียของมติคณะรัฐมนตรี รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 อนุมัติและเห็นชอบให้ขายที่ดินให้คนต่างด้าวใน 4 กลุ่มดังนี้ได้ คือ

  • 1.กลุ่มประชาคมโลกที่มีความมั่งคั่งสูง
  • 2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
  • 3.กลุ่มผู้ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย
  • 4.กลุ่มผู้ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ

 

โดยบุคคลเหล่านี้มีสิทธิถือครองที่ดินได้คนละไม่เกิน 1 ไร่ ภายใต้เงื่อนไขต้องนำเงินมาลงทุนในประเทศไทยไม่ต่ำกว่าคนละ 40 ล้านบาท และลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี ในกิจการ 5 ประเภทๆ ใดหรือหลายประเภทก็ได้ คือ

  • 1.ลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย
  • 2.ลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ
  • 3.ลงทุนในกองทรัสต์
  • 4.ลงทุนในเรือนหุ้นของนิติบุคลที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน
  • 5.ลงทุนในกิจการที่ คกก.ส่งเสริมการลงทุนประกาศ

 

เรื่องที่ดินของประเทศเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด เพราะถ้าประเทศไม่มีที่ดินก็ตั้งเป็นประเทศไม่ได้ ประชาชนทั้งประเทศจึงควรมีส่วนร่วมกันพิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐบาล ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสียใหม่ เพราะมติดังกล่าวจะมีผลต่างๆ เหล่านี้คือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผ่านแล้ว!!! เฉือนแผ่นดินให้ต่างชาติอาศัย แลก 40 ล้านลงทุนในไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : โฆษกรัฐบาล ย้ำ เงื่อนไขเข้มให้ต่างชาติมีสิทธิครองที่ดินอาศัยในเมืองไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : "วัชระ" จี้ นายกฯ ยกเลิกปมไฟเขียว ต่างด้าวครอบครองที่ดิน

1.สิทธิการถือครองที่ดินที่รัฐจะให้คนต่างด้าวมีสิทธิมีมากน้อยเพียงใด ถ้าให้มีกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเหมือนคนไทย ถือเป็นการขายที่ดินของประเทศให้คนต่างด้าว เป็นการถูกต้องหรือไม่?

 

2.การเข้ามาลงทุนของคนต่างด้าวคนละ 40ล้านบาท ในธุรกิจ 5 กลุ่มประเภทที่รัฐกำหนด กิจการเหล่านั้น ย่อมมีผลกำไรหรือมีเงินปันผลตอบแทนประจำปีอยู่แล้ว การที่รัฐให้สิทธิ์คนต่างด้าวที่ลงทุนเพียง 3 ปีได้สิทธิถือครองที่ดินไปโดยไม่กำหนดระยะเวลา เป็นการถูกต้องหรือไม่?

 

3.ถ้าสมมติมีคนต่างด้าวเข้ามาลงทุน 1 แสนคนๆละ 40 ล้านบาท จะมีเงินเข้ามาหมุนเวียนในประเทศ 4 ล้านล้านบาท ถ้าครบ 3 ปี คนต่างด้าวได้สิทธิถือครองที่ดินแล้วคนละ 1 ไร่ รวม 1 แสนไร่ แล้วเลิกลงทุนถอนเงินกลับประเทศทั้งหมด แต่ที่ดิน 1 แสนไร่คนต่างด้าวได้สิทธิถือครองไปแล้ว แต่ประชาชนที่ขายที่ดินให้ไปแล้วไม่ได้ที่ดินกลับคืนมา ถือเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศที่ถูกต้องหรือไม่?

 

4.สมมติคนต่างด้าวได้สิทธิในที่ดินไป 1 แสนไร่ ย่อมทำให้คนต่างด้าว 1 แสนคนมีอำนาจเหนือที่ดิน 1 แสนไร่นั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้ามีการลงทุนซื้อ1ล้านไร่ ย่อมมีคนมาลงทุน 1ล้านคน ถ้าแต่ละคนพาครอบครัวบริวารมาคนละ 20 คน ก็จะมีคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในประเทศกว่า 20 ล้านคน เมื่อมีคนต่างด้าวอยูในประเทศจำนวนมาก ทั้งมีที่ดินเป็นของตนเองจำนวนมาก  จะทำให้ประเทศมีความั่นคงเหมือนเดิมได้ต่อไปหรือไม่?

5.เงิน 40 ล้านบาทต่อคนต่างด้าว 1 คนต่อ สิทธิการถือครองที่ดินได้ 1 ไร่ ถ้าสมมติ 1 แสนไร่จะมีเงิน 4 ล้านล้านบาท เข้ามาหมุนเวียนในประเทศแต่จะทำให้ประชาชนคนไทยต้องเสียที่ดินไป 1 แสนไร่ให้คนต่างด้าวและสามารถเข้ามาอยู่ในประเทศได้ตลอดไป จะมีความคุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เข้ามาหมุนเวียนในประเทศเพียงระยะสั้นๆ 3 ปี หรือไม่?

 

6.มาตรการรัฐบาลในการให้สิทธิคนต่างด้าวดังกล่าว จะเป็นช่องทางให้คนต่างด้าวกลุ่มประเทศที่มีกำลังเงินสูงๆ และต่างเชื้อชาติศาสนากับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ อาศัยช่องทางการลงทุนนี้ นำคนต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่ประเทศไทยได้มากขึ้นและโดยง่าย จะก่อให้เกิดความขัดแย้งกับคนไทยในพื้นที่ จากกรณีการนับถือศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่างกันได้ จะทำให้ประเทศมีความสงบสุขตามวัฒนธรรมประเพณีวิถีขีวิตดั่งเดิมที่มีมาช้านานต่อไปได้อีกหรือไม่?

 

"การที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติในเรื่องสำคัญมากเช่นนี้ ควรให้ประชาชนหรือตัวแทนของประชาชนที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ได้มีส่วนร่วมพิจารณาแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และรอบคอบที่สุดก่อนที่จะมีมติ เพราะการให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนแล้วได้สิทธิในการถือครองที่ดินได้ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เงินลงทุนก็ยังคงเป็นของคนต่างด้าวและนำกำไรที่ได้จากการลงทุนมาซื้อที่ดิน คนต่างด้าวจึงมีแต่ได้กับได้ 

 

มติของรัฐบาลในเรื่องนี้ จึงเท่ากับได้ไม่คุ้มเสีย เพราะนอกจากจะทำให้คนต่างด้าวได้สิทธิถือครองที่ดินแล้ว ยังทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับสูงสุดคือ กลุ่มทุนที่มีที่ดินจำนวนมากเป็นพันไร่ หมื่นไร่ หรือแสนไร่และประชาชนที่มีที่ดินเท่านั้น ส่วนประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร หากต้องการซื้อที่ดินทำกินก็ไม่อาจซื้อหาได้ในราคาถูกอีกต่อไป  หากรัฐบาลจะจัดสรรที่ดินทำกินให้ประขาชนก็จะต้องใช้งบประมาณสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีที่ดินทำกินและอยู่อาศัย

 

ดังนั้นรายได้ของประชาชนที่เกิดจากการขายที่ดิน จึงไม่ใช่รายได้ที่เกิดจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง ถ้าเงินที่ได้จากการขายที่ดินนำไปใช้ไม่ดีเงินที่ได้มาก็จะหมดไปอย่างไร้ประโยชน์ รัฐบาลจึงควรส่งเสริมให้ประชาชนรู้วิธีการสร้างรายได้แบบ"ระบบเศรษฐกิจคุณค่า" ที่มีความยั่งยืนมากกว่า ส่งเสริมวิธีการสร้างรายได้แบบ"เศรษฐกิจมูลค่า" ที่ไม่ยั่งยืนอย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ซึ่งจะส่งผลต่อประเทศชาติให้ได้รับความเสียหายในระยะยาวต่อไปได้  "นางรฎาวัญ กล่าว

logoline