
30 ตุลาคม 2568 หลังเกิดปัญหาเสียงดังและการทิ้งขยะจาก "ที่พักพิเศษ" ที่อาคารขนาด 40 ห้อง แห่งหนึ่ง ในโอซากา ทำให้สื่อญี่ปุ่น KTV News เข้าไปตรวจสอบ และพบว่า มีบริษัทจีนที่จดทะเบียนแบบ "เร่งรีบ" ถึง 130 แห่ง แต่อยู่ในรูปแบบของ "บริษัทกระดาษ" (Paper Company) คือ การจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารครบถ้วน แต่ไม่มีการดำเนินงานจริง
ที่น่าสงสัยก็คือ แม้จะเป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่มีการดำเนินธุรกิจจริงจัง ไม่มีสินทรัพย์ ไม่มีพนักงาน และไม่มีรายได้ แต่กลางคืนกลับเปิดไฟ มีเสียงดังและมีการทิ้งขยะ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ทุนจีนใช้ "บริษัทเปล่า" เหล่านี้ เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น เลี่ยงภาษี หรือ เป็นเพียงส่วนประกอบของ "ธุรกิจหลอกลวง" เช่น แชร์ลูกโซ่ หรือ อาจร้ายแรงถึงขั้นสแกมเมอร์
ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียง เล่าว่า แทบไม่เห็นคนเข้า-ออกอาคาร แต่กลางคืนเปิดไฟสว่างทั้งอาคาร สร้างปัญหาต่อเนื่องทั้งเรื่องเสียงและการทิ้งขยะ และเป็นไปได้ว่า ทุนจีนเข้าไปจดทะเบียนตั้งบริษัท เพื่อขอวีซ่าบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งวีซ่าประเภทนี้ เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้าไปเปิดธุรกิจในญี่ปุ่น และสามารถย้ายเข้าไปพักอาศัยได้
ช่องโหว่ของเรื่องนี้ คือ เงื่อนไขเดิมค่อนข้างง่าย เช่น ต้องมีทุน 5 ล้านเยน หรือพนักงานประจำ 2 คน เมื่อไปตรวจสอบข้อความที่โพสต์ตามโซเชียลมีเดียของจีน ก็เต็มไปด้วยข้อความ เช่น "การย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นง่ายเหมือนหายใจ" และพบว่า ชาวจีนที่ถือวีซ่าประเภทนี้ เพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 10 ปีมานี้
ทางการโอซากา ได้ขยับแล้ว โดยจะเริ่มให้หยุดพิจารณาผู้ที่ขอจดทะเบียนใหม่ แม้ว่าการรับจดทะเบียนจะสิ้นสุดในวันที่ 29 พฤษภาคมปีหน้าก็ตาม พร้อมกับสร้างทีมงานเพื่อจัดการกับที่พักที่ก่อปัญหา และยกเลิกใบอนุญาตบริษัทที่ไม่ทำตามกฎ
ส่วนการที่โอซากาตกเป็นเป้าหมาย ก็เพราะว่า ธุรกิจที่นี่สามารถเปิดทำการได้ 365 วัน ไม่จำกัดเรื่องวันทำการ ผู้บริหารชาวต่างชาติไม่ต้องทำอะไรเอง มีบริษัทจัดการแทน การทำกำไรก็ง่าย ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญคือ "ที่พักพิเศษ" แบบเดียวกันนี้เกือบ 90% ของญี่ปุ่นอยู่ในโอซาก้านั่นเอง
.