
27 ตุลาคม 2568 สื่อเยอรมนี "ดอยช์ เวลเล่อ" (Deutsche Welle) เคยรายงานตีแผ่ "14k ไทรแอด" (14k triad) องค์กรอาชญากรจีนเทา ที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายสแกมในกัมพูชา โดยมีฐานอยู่ที่ "เคเคปาร์ค" (KK-Park) ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนระดับโลกในฐานะ "ศูนย์รวมขบวนการสแกมเมอร์"
รายงานชื่อ "มาเฟียจีนเปิดโรงงานหลอกลวงในเมียนมาได้อย่างไร" (How Chinese mafia are running a scam factory in Myanmar" ได้ระบุถึง KK Park ว่า เป็นแหล่งรวมการหลอกลวงที่โหดร้ายที่สุดในเอเชีย โดยได้สัมภาษณ์ "อดีตเหยื่อ" ที่ถูกระบุชื่อเพียงว่า "แอรอน" ที่บอกว่า เขาแทบไม่อยากเชื่อในโชคชะตาของตัวเอง เมื่อมีบริษัทเทคโนโลยีน้องใหม่ในประเทศไทย เสนองานในฝันให้เขา "เงินเดือนสูง สวัสดิการเยี่ยมยอด และหนทางออกสู่อนาคตอันมืดมนในแอฟริกาใต้"
แอรอน บอกว่า "ผมหวังว่าจะได้ไปทำงานต่างประเทศ แล้ววันหนึ่งก็มีคนติดต่อมา ผมคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่งผมมาถึงกรุงเทพฯ" ที่สนามบิน แอรอนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และพาขึ้นรถพร้อมกับชายหนุ่มอีก 2 คน จากแอฟริกาตะวันออก แต่ก็พบว่า "เราควรจะไปที่โรงแรมที่อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 10 นาที แต่รถกลับขับพาเราไปทางอื่น"
คนขับรถใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมง ก่อนจะไปถึง "แม่สอด" ซึ่งเป็นเมืองชายแดนประเทศไทย แอรอนเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน ถูกขบวนการค้ามนุษย์พาข้ามแม่น้ำเมยและเข้าไปในพื้นที่สงครามในเมียนมา เขาบอกว่า "มีคนถือปืน" ที่บอกว่า "เราควรลงเรือ แล้วเราก็ข้ามไป" จากนั้นก็ถูกพาเข้าไปในสถานที่ที่คล้ายกับ "คุก" ที่ชื่อว่า "KK Park" และมีคนหลายพันคนถูกบังคับให้ทำผิดกฎหมาย เพื่อหลอกลวงผู้คนในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ซึ่งสหประชาชาติได้ประมาณการว่า มีคนมากกว่า 100,000 คน ถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์หลอกลวงในเมียนมาแห่งนี้
ทีมสืบสวนของ DW ได้พบกับผู้รอดชีวิตหลายคนจากพื้นที่แห่งนี้ พวกเขาเล่าถึงการเฝ้าระวัง การทรมาน และแม้กระทั่งการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรายสัปดาห์ ชายหนุ่มจากแอฟริกาตะวันตกที่เผยชื่อเพียงว่า "ลูคัส" บอกว่า "เราทำงานวันละ 17 ชั่วโมง ห้ามบ่น ไม่มีวันหยุด ไม่มีการพักผ่อน และถ้าเราบอกว่าอยากลาออก พวกเขาก็จะบอกว่าจะขายเราหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งไปซะ"
ใครอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการอันโหดร้ายนี้?
ตัวช่วยท้องถิ่นของเมียนมา DW ได้ตรวจสอบภาพถ่ายพิเศษ ที่ถ่ายจากภายในสถานที่ และได้พูดคุยกับผู้รอดชีวิตหลายคนที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่น พวกเขาทุกคนจำ "ตราสัญลักษณ์" ที่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ว่า มันคือ "เครื่องหมายของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Karen Border Guard Force) หรือ BGF หรือ กลุ่มกะเหรี่ยงที่มาเข้าร่วมกับกองทัพเมียนมา และยุติการเป็นปรปักษ์ต่อกัน
DW ระบุว่า กองกำลัง BGF ได้ควบคุมความเป็นไปใน KK Park แต่หัวหน้าปฏิบัติการเป็นชาวจีน จากการติดตามเส้นทางการโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวงหลายราย เพื่อดูว่าเส้นทางนั้นนำไปสู่จุดใด พบว่า เส้นทางนั้นได้พาไปยังกระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ KK Park ใช้ในการรวบรวมเงินของเหยื่อ ก่อนถูกส่งต่อไปยังกระเป๋าเงินอื่นๆ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนบัญชีดิจิทัลและจัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซี และหนึ่งในกระเป๋าสตางค์เหล่านั้น "ถูกเปิดโดย" นักธุรกิจชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย "หวัง อี้เฉิง" ที่ได้ประโยชน์จากเงินดิจิทัลมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ จากกระเป๋าสตางค์ที่ KK Park ใช้
"หวัง" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครือข่ายนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่ใหญ่โต ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่หัวหน้ามาเฟียชาวจีนที่ฉาวโฉ่ ณ ช่วงเวลานั้น "หวัง" ได้รับการโอนโดยตรงจากกระเป๋าเงินที่ KK จัดการ เขาทำหน้าที่เป็นรองประธานของสมาคมแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย-เอเชีย (Thai-Asia Economic Exchange Association) ในกรุงเทพฯ ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย
สมาคมแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย-เอเชีย ถูกระบุว่า ใช้อาคารร่วมกับศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหงเหมินโพ้นทะเล (Overseas Hongmen Culture Exchange Center) ซึ่งถูกตำรวจบุกตรวจค้นเมื่อปี 2566 ร่วมกับศูนย์หงเหมินอีกแห่งในกรุงเทพฯ เนื่องจากดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย และเป็นฉากหน้าของกลุ่มอาชญากรชาวจีน
ความเชื่อมโยงกับจีน
องค์กรเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ "ว่าน ก๊ก คอย" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ไอ้ฟันหัก" (Broken Tooth) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง "สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมิน โลก" (World Hongmen History and Culture Association" ในปี 2561 ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นระบบ แต่องค์กรแห่งนี้ ใช้วิธีการ "เอาหน้า" กับรัฐบาลจีน ด้วยการออกหน้าส่งเสริม "โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ( Belt and Road Initiative) หรือ BRI ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ที่จีนมุ่งหมายจะบูรณาการจีนเข้ากับเศรษฐกิจโลกให้มากยิ่งขึ้น โครงการนี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อเส้น "ทางสายไหมใหม่ (New Silk Road) อีกด้วย
"ว่าน ก๊ก คอย" มีคำพูดที่เขาใช้เป็นประจำด้วยว่า "เมื่อก่อนเขาเคยต่อสู้ให้กับกลุ่มค้ายา และตอนนี้เขากำลังต่อสู้ให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน" และพื้นที่ที่ KK Park ถูกสร้างขึ้นเป็นพื้นที่เป้าหมายการลงทุนในโครงการ BRI ของจีน ซึ่งรัฐบาลจีนได้ยกย่องโครงการพัฒนาต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงกับ KK Park ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย BRI แม้ว่าภายหลังรัฐบาลจีนจะถอนตัวจากโครงการเหล่านี้ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีการฉ้อโกงอย่างกว้างขวาง
ตัว KK Park ไม่ได้รับการกล่าวถึงในการสื่อสารอย่างเป็นทางการของจีน และไม่ได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เหมือนกับโครงการพัฒนาอื่นๆ ในพื้นที่ด้วย เพราะแท้จริงแล้ว มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการหลอกลวงโดยเฉพาะ
เครือข่าย KK Park ขยายตัว
ปฏิบัติการหลอกลวงของ KK Park สามารถสืบย้อนไปถึงเครือข่ายธุรกิจและสมาคมที่ซับซ้อน ซึ่งถูกอาชญากรใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับอาชญากรรมของตนและฟอกเงินที่ฉ้อโกงไปหลายล้านดอลลาร์ และยังคงขยายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังแอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ เห็นได้ชัดเจนว่าเครือข่ายอาชญากรเหล่านี้ มีอำนาจมากขึ้น มีอิทธิพลมากขึ้น และฝังตัวมากขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ขณะที่ความพยายามของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น
.
.
https://www.dw.com/en/how-chinese-mafia-are-running-a-scam-factory-in-myanmar/a-68113480