
23 ตุลาคม 2458 สื่อเกาหลีใต้ "SBS" รายงานว่า ศาลเกาหลีใต้ตัดสินจำคุกชายชาวเกาหลีใต้วัย 20 ปี จำนวน 3 คน ในความผิดฐานหลอกลวงคนรู้จักซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติไปกัมพูชา ส่งไปให้กับองค์กรอาชญากรรมในกัมพูชา หลังไม่ยอมร่วมแผนฉ้อโกงคนร่วมชาติ โดยทั้ง 3 คน ถูกระบุชื่อเพียงว่า "ชิน". "พัค" และ "คิม" โดย "ชิน" ซึ่งเป็นหัวโจก ต้องรับโทษ 10 ปี , พัค 5 ปี และคิม 3 ปี 6 เดือน โดยโทษทั้งหมดนานกว่าที่อัยการร้องขอ
.
รายงานข่าว ระบุว่า ชิน ทำหน้าที่รับฝากเงินจากบัญชีธนาคารในเกาหลีใต้ และโอนไปยังกัมพูชา ได้ติดต่อ พัค กับ คิม ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เพื่อ "ขโมย" หมายเลขตัวถังรถยนต์ (VIN) จากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นำเข้า เพื่อส่งไปยังตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยหลอกว่าจะส่งรถยนต์ไปให้ตามหมายเลขตัวถัง แต่เรียกเก็บเงินแล้วไม่ได้ส่งรถยนต์ไปให้
จากนั้น พวกเขาได้ติดต่อไปยังเหยื่อที่ถูกสมมุติชื่อว่า "A" ซึ่งเป็นคนรู้จักอีกเช่นกัน เพื่อให้ร่วมมือในการติดต่อขอหมายเลขตัวถัง (VIN) แต่ A ไม่เล่นด้วย ทำให้ ชิน ไม่พอใจและบอกกับ พัค และ คิม ว่า เขาสูญเสียค่าใช้จ่ายไป 65 ล้านวอน และเขาจะ "ยกหนี้ให้ ถ้าส่ง A ไปกัมพูชา"
ในที่สุด A ก็ถูก พัค และ คิม หลอกลวงให้เดินทางไปกัมพูชา เมื่อไปถึงก็ถูกกลุ่มฟิชชิ่งทางเสียง (Phishing voice) หรือ การหลอกลวงทางโทรศัพท์ ที่รู้จักกันในชื่อ "คอลเซ็นเตอร์" ควบคุมตัวไว้ประมาณ 20 วัน พร้อมกับยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือของเขาไป แต่โชคดีที่ A ได้รับการปล่อยตัว โดยได้รับความช่วยเหลือจากสถานทูต แต่พบว่า บัญชีธนาคารของเขา ถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ด้วย
ศาลระบุว่า "เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์และพฤติกรรมของอาชญากรรมแล้ว ถือว่าร้ายแรงอย่างยิ่ง" และเสริมว่า "เป็นการยากที่จะประเมินระดับความทุกข์ทรมานที่เหยื่อจะต้องเผชิญ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที" โดยเฉพาะในส่วนของผู้กระทำความผิดหลัก คือ ชิน ที่ข่มขู่ผู้สมรู้ร่วมคิดและกักขังเหยื่อไว้ที่กัมพูชา และไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเลย