
10 กันยายน 2568 ไม่มีใครคาดคิดว่า การประท้วงที่ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นคนวัย "Gen Z" หรือ ผู้ที่เกิดในระหว่างปี 2540-2555 ที่ระบุไว้บนแผ่นป้ายประท้วงในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของ "เนปาล" จะลุกลามไปสู่ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว และเกิดการสูญเสียชีวิตอย่างน่าสลดหดหู่ และนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี
สถานการณ์ใน "กรุงกาฎมัณฑุ" ตอนนี้ อยู่ภายใต้การประกาศเคอร์ฟิวแบบไม่มีกำหนด เพื่อสยบเหตุกลียุคครั้งเลวร้ายที่สุด "ในรอบหลายทศวรรษ" ของประเทศที่อยู่บนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ โดยมีต้นเหตุมาจากนโยบายห้ามใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ได้ถูกยกเลิกไปหลังเกิดการประท้วงรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 คน บาดเจ็บกว่า 100 คน
เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงพร้อมอาวุธ ได้ลาดตระเวนไปตามท้องถนน ที่ยังมีร่องรอยความเสียหายของซากรถที่ถูกเผา โลหะที่บิดเบี้ยวรอบอาคารรัฐสภาและควันสีดำที่ยังลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามดับไฟในห้องโถงใหญ่ ด้านนอกอาคารเสียหายหนัก ธุรกิจหลายแห่งยังคงปิดให้บริการ เที่ยวบินหยุดชะงัก โดยสนามบินหลักใน "กรุงกาฐมาณฑุ" ปิดให้บริการจนถึงเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 19.15 ตามเวลาไทย
แม้รัฐบาลจะยกเลิกการปิดกั้นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่วันอังคาร (9 กันยายน 2568) หลังการประชุมฉุกเฉินเมื่อคืน เพื่อ "ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของ Gen Z" แต่บ้านเมืองก็เสียหายยับเยิน ผู้ประท้วงใช้ความรุนแรงระบายความเดือดดาล ตั้งแต่วางเพลิงอาคารรัฐสภา, เผาบ้านพัก เค.พี. ชาร์มา โอลี ที่กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ที่โหดที่สุดคือการขัง "ราชยาลักษมี จิตราการ" ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี จาลานาถ คานาล ก่อนจุดไฟเผาทั้งเป็น ส่วน พิษนุ ปราสาด เพาเดล รัฐมนตรีคลัง ก็ถูกฝูงชนไล่ล่า และทำร้ายบนท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ
การประท้วงเริ่มจากการจุดกระแสบนโลกออนไลน์ โดยมีคำว่า "Gen Z" เป็นสัญลักษณ์ โดยไม่มีแกนนำหลัก แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังเยาวชนที่เชิญชวนผู้ร่วมอุดมการณ์ ที่เป็นนักศึกษาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในเมืองสำคัญ ได้แก่ กาฐมาณฑุ โภครา อีตะหะรี และมีเด็กนักเรียนเข้าร่วมด้วย เนื่องจากมีการกระตุ้นให้นักเรียนสวมเครื่องแบบ และนำหนังสือมาร่วมในการชุมนุมด้วย พวกเขาให้เหตุผลในการประท้วงว่า "อยากเห็นการทุจริตในเนปาลจบลง" .... "พวกผู้นำมักให้สัญญาอย่างหนึ่งตอนเลือกตั้ง แล้วไม่เคยทำตาม พวกเขาคือต้นตอของปัญหามากมาย" ซึ่งการแบนโซเชียลมีเดีย ส่งผลกระทบต่อการศึกษา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ และแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ได้
ยังมีแฮชแท็กที่น่าสนใจของการประท้วง ได้แก่ 'Nepo Baby' และ 'Nepo Kids' ซึ่งอาจตีความง่ายๆ ว่า "เด็กเส้น" หรือ "ลูกท่านหลานเธอ" ..... คำว่า "Nepo" มาจากคำเต็มว่า "nepotism" ซึ่งหมายถึงการเล่นพรรคเล่นพวก หรือ เอื้อประโยชน์ให้ญาติโกโหติกากับคนใกล้ชิด โดยมีที่มาจากคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นการใช้ชีวิตหรูหราของนักการเมืองและครอบครัว ถูกแชร์บนโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง
มีคลิปวิดีโอที่ อดีตนายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี เต้นรำในงานเลี้ยงหรูหราฟุ่มเฟือย หลังเพิ่งกลับจากการไปเข้ารับการรักษาแบบ VVIP ที่ประเทศจีน แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการหลบหนีหัวซุกหัวซุน ไม่แน่ว่าออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่
ผู้ประท้วงมองว่า นักการเมืองกับครอบครัวและพวกพ้องของพวกเขาชอบโอ้อวดชีวิตหรูหรา ที่มาจากเงินภาษีของประชาชน ขณะที่ประชาชนทั่วไปต้องอดมื้อกินมื้อ วิดีโอที่ถูกแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบน TikTok และ Instagram ได้เปรียบเทียบวิถีชีวิตหรูหราของครอบครัวนักการเมือง ทั้งการสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม การท่องเที่ยวต่างประเทศ และการใช้รถหรู กับความจริงอันยากลำบาก ที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในประเทศที่ต้องเผชิญ ทั้งการว่างงานและต้องไปทำงานต่างแดน
ความรุนแรงและความเดือดดาลที่ผู้ประท้วงแสดงออกมา จึงเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนความไม่พอใจในความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึกในสังคมการเมืองของเนปาล