
สื่ออังกฤษ "เดอะ ไทม์ส" (The Times) รายงานว่า การให้สัมภาษณ์ BBC ของเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันศุกร์ (4 พฤษภาคม) ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ที่จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที แต่เจ้าชายกลับใช้เวลานานกว่านั้นถึง 3 เท่า หรือครึ่งชั่วโมง สร้างความตกตะลึงให้กับทีมผลิตรายการ ที่ไม่สามารถควบคุมได้
และเนื้อหาที่ทรงให้สัมภาษณ์เป็นการโจมตีอย่างรุนแรงต่อพระราชวงศ์ และพระเจ้าชาร์ลส ที่ 3 พระบิดาที่กำลังประชวรด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการระบายความไม่พอพระทัย หลังจากแพ้คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับความปลอดภัยของพระองค์ ที่ทำให้พระองค์ไม่ได้รับสิทธิ์คุ้มครองโดยตำรวจอารักขาที่เป็นเงินภาษีประชาชนเมื่อเดินทางกลับอังกฤษ หลังจากทรงถอนตัวจากราชวงศ์เมื่อปี 2563
การสัมภาษณ์ครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดใดๆ โดย "นาดา ทอว์ฟิก" (Nada Tawfik) ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์ บอกว่า เจ้าชายดูกระวนกระวาย เคาะเท้าระหว่างการสนทนา
ทั้งยัง "เปิดเผย ตรงไปตรงมา" จนเธอรู้สึกประหลาดใจ แหล่งข่าวบอกว่า เจ้าชายดูกระตือรือร้นตอนที่วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์และรัฐบาลอังกฤษ ในขณะให้สัมภาษณ์บริเวณในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ทรงอาศัยอยู่กับเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ และพระโอรสอาร์ชีกับพระธิดาลิลีเบต ในเมืองมอนเตซิโต
ดัชเชสเมแกน ไม่ได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ และไม่เคยปรากฎตัวร่วมกับเจ้าชาย ในขณะที่พระองค์ต่อสู้ในศาลในช่วง3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างการการพูดคุย เจ้าชายตรัสว่า
พระองค์ต้องการคืนดีกับครอบครัว แต่ก็กล่าวหาพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ว่า ทรงไม่พูดกับพระองค์ และขยายความต่อไปว่าทรง "มีเรื่องขัดแย้งมากมายระหว่างฉันกับสมาชิกครอบครัวบางคน" ""แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันให้อภัยข้าพเจ้าในหลายๆ เรื่อง แต่... ไม่มีเหตุผลที่จะสู้ต่อไปอีกแล้ว" "ชีวิตมีค่า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพระบิดาของข้าพเจ้าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน พระองค์จะไม่คุยกับข้าพระเจ้าในเรื่องความปลอดภัยนี้ การคืนดีกันเป็นเรื่องที่ดี"
เจ้าชายทรงโทษด้วยว่า คำตัดสินของศาลเป็น "การเล่นเกมของชนชั้นปกครองแบบเก่า" และ "ราชสำนักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล" ที่จะกีดกันไม่ให้พระองค์พาครอบครัวกลับสหราชอาณาจักรได้อีก เพราะไม่ปลอดภัย ขณะที่ผู้สันทัดกรณีชี้ว่า เจ้าชายกำลังยื่น "ช่อมะกอกที่อาบยาพิษ" ไปให้ครอบครัว เป็นการขอคืนดีที่ไม่จริงใจ
และกำลังแสดงพฤติกรรมที่เรียกว่า "แก๊สไลท์ติ้ง" (Gaslighting) ทั้งแสดงทำตัวเป็นเหยื่อ และการปั่นหัวให้อีกฝ่ายสับสนกับความเป็นจริงของตัวเอง เพราะตามหลักปฏิบัติ "จะไม่เป็นการเหมาะสมตามรัฐธรรมนูญ หากพระมหากษัตริย์ทรงเข้าแทรกแซงในระหว่างที่รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องนี้และพิจารณาโดยศาล" และคำพูดของ
เจ้าชายยังตรงกับคำว่า "stitch up" หรือ การกระทำที่บงการสถานการณ์เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยวิธีการที่ไร้เกียรติหรือไม่ซื่อสัตย์