
ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ของสหรัฐฯ ได้เดินทางออกจากกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อเย็นวันศุกร์ (28 กุมภาพันธ์) หลังสร้างความตกตะลึงให้ผู้นำโลกคนอื่นๆ ด้วยการปะทะคารมกับ ประธานาธิบดี "โวโลดีมีร์ เซเลนสกี" ของยูเครน ที่ห้องทำงานรูปไข่ ก่อนจบลงด้วยการที่เซเลนสกี ถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว โดยปราศจากการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับแร่หายากของยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขการเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะที่การแถลงข่าวและการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันก็ถูกยกเลิกไปด้วย
ทรัมป์บอกว่า เซเลนสกีดูเหมือนไม่ใช่คนที่ต้องการสันติภาพ ซึ่งเขาได้กล่าวหาผู้นำยูเครนก่อนหน้านี้ด้วยว่า ไม่เคารพสหรัฐฯ และการโต้เถียงอย่างดุเดือดก็เริ่มขึ้น....
เหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่าเป็น "หายนะ" ในทำเนียบขาว ทำให้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี, ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป พากันตกตะลึง สวนทางกับดมิทรี่ เม้ดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและอดีตนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคง ที่แสดงความยินดีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการโพสต์บน X ซ้ำเติมเซเลนสกีว่า ในที่สุดหมูที่อวดดี ก็ถูกลดความโอหังลงในห้องทำงานรูปไข่ และทรัมป์พูดถูก ยูเครนกำลังเดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่ 3
ด้าน เซเลนสกี ได้ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ว่า เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องขอโทษทรัมป์ โดยบอกว่าเขาเคารพประธานาธิบดี เคารพชาวอเมริกัน และคิดว่าต้องเปิดใจและซื่อสัตย์มากๆ ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่า ได้ทำอะไรที่ไม่ดี แต่คิดว่ามีบางเรื่องที่ต้องพูดคุยกันนอกสื่อ ด้วยความเคารพต่อประชาธิปไตยและสื่อเสรี
ชมคลิป "ปะทะคารมเดือด"