
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ในทรูธ โซเชียลเมื่อวันพฤหัสบดี (27 กุมภาพันธ์) โดยยืนยันว่า มาตรการเก็บภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมตามกำหนด หลังจากเลื่อนจากกำหนดเดิมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากสองประเทศเพื่อนบ้าน และจีน เพื่อกดดันให้ปราบปรามยาเสพติดเฟนทานิล และผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่ทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ
เขาโพสต์ด้วยว่า ยาเสพติดยังไหลทะลักเข้าสู่ประเทศจากเม็กซิโกและแคนาดาในระดับสูงมากและไม่อาจยอมรับได้ จึงจำเป็นต้องขึ้นภาษีนำเข้าตามกำหนดจนกว่าจะหยุดยั้งหรือจำกัดยาเสพติดได้
นอกจากนี้ทรัมป์โพสต์ด้วยว่า เขามีแผนจะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากจีนอีก 10% โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลในวันที่ 4 มีนาคม หลังจากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับสินค้าจีนอีก 10% ไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์
โพสต์ของทรัมป์ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนทันที และดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 0.45% , เอสแอนด์พี 500 ลดลง 1.59% และแนสแด็กลดลง 2.78% โดยนักลงทุนวิตกว่า เมื่อการเก็บภาษีอัตราใหม่มีผลบังคับใช้ ทั้งเม็กซิโก แคนาดาและจีน จะขึ้นภาษีนำเข้าเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ และจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐฯ และผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยสินค้าในสหรัฐฯ ตั้งแต่ ไอโฟน จนถึง อโวคาโด จะมีราคาสูงขึ้น ทั้ง 3 ประเทศเป็นคู่ค้ารายใหญ่ 3 อันดับแรกของสหรัฐฯ และสินค้านำเข้าจากทั้ง 3 ชาติคิดเป็นสัดส่วนรวมกันมากกว่า 40% ในปีที่แล้ว
โพสต์ล่าสุดมีขึ้นหลังจากทรัมป์เพิ่งสร้างความสับสนระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันพุธ โดยเขาบอกผู้สื่อข่าวว่า การขึ้นภาษีกับสินค้าเม็กซิโกและแคนาดาจะเริ่มมีผลในวันที่ 2 เมษายน
นอกจากการขึ้นภาษีกับคู่ค้าสำคัญทั้ง 3 ชาติแล้ว ทรัมป์ยังเตรียมประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ ที่จะส่งผลต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในวันที่ 2 เมษายนนี้ โดยหวังลดการขาดดุลการค้ากับประเทศต่าง ๆ หลังจากบางประเทศเก็บภาษีกับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ มากกว่าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าของประเทศเหล่านั้น