
มานโมฮัน ซิงห์ ที่ผันตัวจากนักเศรษฐศาสตร์สู่นักการเมืองจนก้าวถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอินเดีย ถึงแก่อสัญกรรมที่โรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี หลังมีอาการหมดสติที่บ้านพัก และได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาลช่วงคืนวันพฤหัสบดี
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “อินเดียได้สูญเสียหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง” และยกย่องว่า อดีตนายกรัฐมนตรีซิงห์ทุ่มเทความพยายามเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
ซิงห์เป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในช่วงปี 2547-2557 โดยน้อยคนนักที่จะได้รับตำแหน่งสมัยที่ 2 และมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจแบบเสรี เขาเป็นผู้นำอินเดียคนแรกนับจาก ชวาหะราล เนห์รู ที่ได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 หลังดำรงตำแหน่งครบวาระในสมัยแรก เขายังเป็นชาวซิกข์คนแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู และกล่าวขอโทษต่อสาธารณชนในการประชุมรัฐสภาสำหรับเหตุจลาจลปี 2527 ที่มีชาวซิกข์เสียชีวิตราว 3,000 ราย
ซิงห์เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2475 ที่หมู่บ้านโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งในรัฐปัญจาบ ที่ขาดแคลนทั้งน้ำและไฟฟ้า เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยปัญจาบ และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ รวมทั้งระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
เขาเข้าสู่การเมืองด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในปี 2534 ในช่วงที่ประเทศใกล้จะล้มละลาย หลังจากอยู่ในเส้นทางอาชีพนักวิชาการและข้าราชการอย่างยาวนาน เคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของอินเดีย และเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้รัฐบาล
ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีคลัง เขาดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งลดภาษี, ลดค่าเงินรูปี, แปรรูปรัฐวิสาหกิจ และกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัว, อุตสาหกรรมเติบโต, เงินเฟ้ออยู่ในระดับเหมาะสม และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
หลังจากนั้นซิงห์ได้รับเลือกจากพรรคคองเกรสให้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกในปี 2547 หลังโซเนีย คานธี ประธานพรรค ไม่รับตำแหน่งเพราะกลัวตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องเชื้อสายอิตาลี ผลงานใหญ่ที่สุดของเขา คือ ทำให้อินเดียได้ลงนามข้อตกลงเข้าถึงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ต่อมาเขานำพรรคคองเกรสชนะเลือกตั้งในปี 2552 ทำให้ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2
แม้เขาได้รับความนับถือเรื่องความซื่อสัตย์และสติปัญญา แต่ก็ถูกมองว่าอ่อนโยนและไม่เด็ดขาด และรัฐบาลสมัยที่สองเผชิญทั้งเรื่องการทุจริตของรัฐมนตรีที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศหลายพันล้านดอลลาร์ และการขัดขวางของฝ่ายค้านในรัฐสภา ทำให้นโยบายสำคัญสะดุด ส่งผลให้เศรษฐกิจแย่ลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเขาได้รับคำชื่นชมจากนโยบายต่างประเทศ ที่ได้รับการสานต่อจากผู้นำรุ่นต่อมา ซึ่งก็คือ สานต่อกระบวนการสร้างสันติภาพกับปากีสถาน, หาทางยุติความขัดแย้งเรื่องพรมแดนกับจีน และให้การสนับสนุนทางการเงินแก่อัฟกานิสถาน และเป็นผู้นำอินเดียคนแรกที่เยือนอัฟกานิสถานในรอบเกือบ 30 ปี