นายเซจิ คิฮาระ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ NHK เมื่อวันอาทิตย์ (5 กุมภาพันธ์ 2566) ชี้แจงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ปลดคนใกล้ตัวอย่างนายอาราอิ มาซาโยชิ เลขานุการนายกรัฐมนตรี หลังแสดงความเห็นที่สร้างความขัดแย้งต่อต้านคู่รักเพศเดียวกัน สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่พยายามผลักดันให้สังคมญี่ปุ่นมีความหลากหลายทางเพศเกิดขึ้นได้จริง นายคิฮาระบอกว่าคำพูดของนายมาซาโยชิ
"เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง"
"เราต้องการอธิบายอย่างจริงใจและรอบคอบต่อจุดยืนของรัฐบาลในการฟื้นฟูความไว้วางใจ"
นายมาซาโยชิ ได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการ "ระดับหัวกะทิ" ที่เข้าไปทำหน้าเลขานุการของนายกรัฐมนตรี และชนวนเหตุของความขัดแย้งมาจากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ (3 กุมภาพันธ์ 2566) ตอนที่ถูกถามเรื่องคู่สมรส LGBT โดยบอกว่า ถ้าญี่ปุ่นยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน "มันก็จะไม่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน" และในคณะเลขานุการก็ไม่มีใครเห็นด้วยแม้แต่คนเดียว ส่วนตัวเขาเอง "ไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านกับคู่รัก LGBT หน้าก็ไม่อยากมอง..." เขาอ้างว่าเป็นคนที่เคารพสิทธิมนุษยชนและคุณค่าของคู่รักเพศเดียวกัน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังไม่เห็นด้วย ถ้าเขายอมรับคนเหล่านี้ก็จะมีคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและออกไปจากญี่ปุ่น
เมื่อคำพูดของเขาถูกเผยแพร่ออกสื่อ นายมาซาโยชิก็รีบถอนคำพูดในวันเดียวกัน แต่ก็สายเกินไปเพราะนายกรัฐมนตรีคิชิดะปลดเขาในวันเสาร์ (4 กุมภาพันธ์ 2566) โดยแถลงว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริางจัง และแต่งตั้งให้นายซาดาโนริ อิโตะ ผู้อำนวยการกองบุคลากรของกระทรวงเศรษฐกิจมาทำหน้าที่แทน เขาบอกด้วยว่าความเห็นนั้นเลวร้ายขัดกับนโยบายของรัฐบาล ที่พยายามผลักดันให้สังคมที่มีความหลากหลายทางเพศเกิดขึ้นจริง
นับเป็นการแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้พูดในการประชุมวิสามัญในวาระเกี่ยวกับเรื่องการยินยอมให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะจะทำให้ความคิดเรื่องครอบครัวและสังคมญี่ปุ่นเปลี่ยนไป ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศ G7 ที่ไม่ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน