เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
สื่อสหรัฐฯ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมสั่งให้ระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ออกมาวันละ 1 ล้านบาร์เรล รวมปริมาณทั้งสิ้น 180 ล้านบาร์เรล ในระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งหากข่าวนี้เป็นเรื่องจริงจะเป็นการระบายน้ำมันสำรองครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เริ่มมีการตั้งคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ในปี 2517 และมีปริมาณน้ำมันสำรองราวเกือบ 600 ล้านบาร์เรล
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามควบคุมราคาพลังงาน ที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากรัสเซียบุกยูเครน และสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นเป็นประเด็นสำคัญทางการเมืองในสหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย.นี้ ทำเนียบขาว เปิดเผยว่าไบเดนเตรียมแถลงมาตรการควบคุมราคาน้ำมันในเวลา 13.30 น. ของวันที่ 31 มี.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 00.30 น. ของวันศุกร์ที่ 1 เม.ย. ตามเวลาไทย
ข่าวนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างแรงกว่า 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯ ลดลง 5.6% เหลือเกือบ 102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนต์ของอังกฤษลดลง 4.8% เหลือเกือบ 108 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกและพันธมิตร ซึ่งรวมถึงรัสเซียภายใต้ชื่อกลุ่มโอเปกพลัส กำหนดประชุมในวันที่ 31 มี.ค. และคาดว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงข้อตกลงทยอยลดปริมาณการผลิต ส่วนสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศนัดประชุมฉุกเฉินในวันที่ 1 เม.ย. แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ชาติสมาชิกอื่น ๆ จะปล่อยน้ำมันสำรองออกมาตามอย่างสหรัฐฯ ด้วยหรือไม่
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยน้ำมันดิบเบรนต์แตะถึง 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเดือนนี้ หลังจากเกิดสงครามในยูเครน ทำให้สหรัฐฯ และอีกบางประเทศประกาศปล่อยน้ำมันสำรองออกมารวมกัน 60 ล้านบาร์เรล ช่วงต้นเดือนนี้ โดยก่อนหน้านั้นสหรัฐฯ ก็ประกาศปล่อยน้ำมันออกมาเกือบ 60 ล้านบาร์เรล ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
ขณะที่ปริมาณอุปทานน้ำมันในตลาดโลกกำลังตึงตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะการเปิดเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ และสถานการณ์เลวร้ายลงอีกในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เมื่อคาดว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 อาจลดลงเหลือราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน