ตำรวจเบลเยียม คาดว่า มีผู้ประท้วงราว 50,000 คน ซึ่งมีทั้งชาวเบลเยียม และผู้เดินทางมาจากฝรั่งเศส เยอรมนี และอีกบางประเทศเข้าร่วมการชุมนุมในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอาทิตย์เพื่อต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19
ผู้ประท้วงบางคนขว้างปาดอกไม้ไฟใส่ตำรวจที่พยายามเข้าสลายการชุมนุมที่รวมตัวกันในสวนสาธารณะใจกลางเมือง และผู้ประท้วงบางส่วนขว้างปาสิ่งของใส่อาคารสำนักงานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปทำให้กระจกหน้าต่างแตกเสียหาย ตำรวจต้องฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายผู้ประท้วง
การปะทะครั้งนี้ทำให้มีตำรวจ 3 นายและผู้ประท้วง 12 คนได้รับบาดเจ็บ และผู้ประท้วงอีก 70 คนถูกจับกุม
การชุมนุมมีขึ้นหลังจากรัฐบาลประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า ประชาชนจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นภายใน 5 เดือนเพื่อรักษาสถานะของบัตรผ่านวัคซีน ที่ใช้แสดงตนเมื่อเข้าใช้บริการในสถานประกอบการ เช่น ร้านอาหาร บาร์ โรงภาพยนตร์ พิพิภัณฑ์ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.บัตรผ่านวัคซีนจะมีอายุเพียง 5 เดือนเท่านั้น
เบลเยียมกำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ระลอก 5 และคาดว่า จะถึงจุดสูงสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 2.69 ล้านคน และผู้เสียชีวิตสะสม 28,780 ราย ส่วนประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 89% ฉีดวัคซีนครบโดส และ 67% ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
นอกจากการประท้วงในเบลเยียมแล้ว ยังมีการชุมนุมต่อต้านการฉีดวัคซีน การบังคับใช้บัตรผ่านวัคซีน และมาตรการควบคุมโรคอื่นๆในบางประเทศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีการรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศอื่นในยุโรปมาเข้าร่วมการชุมนุมด้วย