เที่ยวบินสุดท้ายของสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน ก่อนพ้นกำหนดเส้นตาย 24 ชั่วโมง พร้อมกับพลเรือน 250 คน ปล่อยให้อีกหลายพันคนเผชิญฝันร้ายกับการอยู่ภายใต้การปกครองของตาลีบัน ที่เฉลิมฉลองการถอนทหารสหรัฐฯ ด้วยการยิงปืนและตรวจสอบฮาร์ดแวร์เอนกประสงค์อย่างเฮลิคอปเตอร์ชีนุค ที่ทหารอเมริกันทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า หลังติดหล่มอยู่นาน 20 ปี สูญเสียทหารไปเกือบ 2,500 นาย แต่ก็หมายถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทำสำเร็จตามที่พูดคือ ถอนทหารได้ตามกำหนดเส้นตายคือวันที่ 31 สิงหาคม และทหารอเมริกันก็ไม่ต้องเผชิญอันตรายอีกต่อไป
กองพลส่งทางอากาศที่ 19 ที่กำกับดูแลกองพลส่งทางอากาศที่ 82 กับ 101 และกองกำลังอื่นๆ ได้โพสต์ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องอินฟาเรดลงทวิตเตอร์ แสดงให้เห็นพลตรีคริส โดนาฮิว ผู้บัญชาการกองพลส่งทางอากาศที่ 82 กำลังเดินไปขึ้นเครื่องบิน C-17 ออกจากกรุงคาบูล ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์การเป็นนายทหารคนสุดท้ายที่ออกจากแผ่นดินอัฟกานิสถาน
พลเอกเคนเน็ธ เอฟ.แม็คเคนซี่ ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลาง สรุปต่อกระทรวงกลาโหม ผ่านการประชุมทางไกลว่า "เที่ยวบินสุดท้ายออกจากคาบูลเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และมันเจ็บปวดใจอย่างยิ่งที่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจากไปในครั้งนี้" " โลกคงต้องต้องพึ่งคำสัญญาของตาลีบันที่ว่าจะยอมปล่อยผ่านคนที่ต้องการออกนอกประเทศ"
ด้านอดีตเจ้าหน้าที่ CIAบอกว่า "ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าดีหรือถูกต้องกับการถอนทหารอันน่าอับอายนี้" ขณะที่ส.ส.พรรครีพับลีกัน พากันรุมประณามว่า การถอนทหารสหรัฐฯ ทำให้ชาวอเมริกันติดอยู่ในดินแดนของศัตรู แต่แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ยืนยันว่า ยังคงทำงานเพื่อช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ตกค้างอยู่ราว 100-200 คน
แต่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกไว้เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่า จะยังคงทหารไว้ในอัฟกานิสถานจนกว่าจะอพยพชาวอเมริกันและชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้พร้อมครอบครัวออกมาได้หมด
ขณะที่ฝ่ายตาลิบันให้คำมั่นว่าสนามบินจะกลับมาเปิดบริการให้ผู้โดยสารเดินทางได้ตามปกติเมื่อกองกำลังของพวกเขาได้เข้าควบคุมสนามบิน