13 ธันวาคม 2567 วงการเพลงเศร้า สำหรับการจากไปของ "แดน บุรีรัมย์" ครูเพลงชื่อดัง อายุ 79 ปี โดยเฟซบุ๊กเพจ "วงดนตรีเพชรปฐมพร นิก พบธร" ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวว่า
"ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ แดน บุรีรัมย์ ศิลปินตลก นักร้อง นักแสดง และ กรรมการสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลกาญจนา ศาลายา เมื่อเวลา 19:00 น.ที่ผ่านมาครับ"
เช่นเดียวกับนักร้องสาว "จอมขวัญ กัลยา" โพสต์แจ้งข่าวเศร้า ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ขอแสดงความเสียใจ ต่อการจากไปของ คุณอาแดน บุรีรัมย์ ด้วยความอาลัยรักและเคารพค่ะ"
ท่ามกลางลูกศิษย์และแฟนเพลงของ "แดน บุรีรัมย์" ที่เข้ามาแสดงความเสียใจมากมาย อาทิ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ , อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา , ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ , ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ เป็นต้น
ประวัติ "แดน บุรีรัมย์" หรือ "บุญชื่น บุญเกิดรัมย์" เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2488 ณ ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นบุตรคุณพ่อโอ้ คุณแม่โป๊ป บุญเกิดรัมย์
เป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดง นักแต่งเพลง ชาวบุรีรัมย์ พ่อและแม่ทำอาชีพเกษตรกร เมื่อเรียนจบการศึกษาจากวิทยาลัยการช่างบุรีรัมย์ (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์) ก็ได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพเพื่อตามฝันการเป็นนักร้องพร้อมกับ เด่น บุรีรัมย์
"แดน บุรีรัมย์" เข้าสู่วงการเมื่อปี พ.ศ. 2506 ตอนที่เข้าวงการมาแรก ๆ มุ่งหวังที่จะหาชื่อเสียงเพื่อเป็นนักร้องอย่างเดียว และได้บันทึกเสียงเพลงแรกในชีวิตชื่อว่า "ผู้พ่าย" เมื่อปี พ.ศ. 2507 ซึ่งมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ การเป็นนักร้องในสมัยก่อนมันยากมาก ๆ เพราะค่าตอบแทนก็ได้ไม่เยอะประมาณ 5-10 บาทเท่านั้น สูทหรือเสื้อผ้าที่ใส่ก็มีแค่ชุดเดียว พอร้องเสร็จก็เอาไปไว้หลังเวทีให้คนร้องคนต่อไปใส่ต่อ
ชีวิตการเป็นนักร้องมันลำบากจริงๆ แต่เขาก็โชคดีที่เคยเรียนเป่าแซกโซโฟนมาตอนเด็กๆ ก็เลยผันตัวมาเป็นนักดนตรีแทน ซึ่งตอนนั้นเขาก็ทั้งร้องทั้งเล่นดนตรีไปด้วย เขามีโอกาสได้ไปอยู่วงดนตรีรวมดาวกระจายของครู สำเนียง ม่วงทอง และมีเหตุให้เข้าใจผิดต้องออกจากวงจึงได้ไปตั้งวงดนตรีร่วมกับ ชลธี ธารทองประยงค์ ชื่นเย็น ชื่อวงดนตรีสุรพัฒน์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงได้ยุติลงแล้วไปอยู่กับวงดนตรีของ ผ่องศรี วรนุช เพลิน พรหมแดน ตามลำดับ
ช่วงหลังๆ ในปี พ.ศ. 2514 เขาเริ่มผันตัวเองมาเล่นตลก เพราะได้เงินจำนวนมากกว่าการเป็นนักร้องนักดนตรี เขาก็เลยมาอยู่กับคณะของ "ป๋าเทพ โพธิ์งาม" อยู่พักใหญ่ ซึ่งระหว่างนั้นเป็นช่วงที่ธุรกิจคาเฟ่เริ่มเป็นที่นิยม เขาก็เลยตัดสินใจแยกออกมาตั้งคณะเองชื่อว่า "สี่ดาว" กับเพื่อนๆ แต่หลังจากนั้นพอวงเริ่มอิ่มตัวเพื่อนๆ หลายคนก็แยกย้ายกันไปอยู่กับคณะอื่นๆ เขาก็เลยต้องยุบคณะไป แต่ตอนนั้นดีที่เขายังมีโอกาสได้เล่นหนัง หรือละครทางทีวีบ้าง ก็เลยยังพอเลี้ยงตัวเองได้