
เริ่มต้น "กลม นพพล" เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า
กลม : "เราไปเที่ยวประเทศเนเธอร์แลนด์ คือคนที่จะไปเที่ยวประเทศนี้จะมี 3 ประเทศ มีเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก แต่เราตัดประเทศลักเซมเบิร์กออกไป เพื่อจะได้เที่ยว 2 ประเทศนี้แบบจุก ๆ ให้มีความสุขที่สุด ทริปนี้เริ่มจากเบลเยียมก่อนแล้วไปที่เนเธอร์แลนด์ ไปดูกังหันลม ดูเมืองมรดกโลก แล้วไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่สวย ๆ"
หมอผึ้ง : จุดสวย ๆ ชีวิตดี บรรยากาศแบบร่มรื่น คือไม่เหมือนกับไปฝรั่งเศสลอนดอน จะพลุกพล่านแออัด ดูเหมือนโจรเยอะ แต่อันนี้ ดูปลอดภัย"
กลม : "คิดว่ารถไฟเป็นการเดินทางขากลับที่เร็วที่สุด ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด แล้วจะเหลือเวลาเที่ยวอีกหนึ่งวันเพิ่มขึ้นมา ถ้าขับรถบางทีไม่สามารถทำเวลาได้เท่ารถไฟ เราซื้อล่วงหน้ามา 1 ปีและซื้อรถไฟอะไรไว้แล้วมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วอยู่ ๆ วันที่จะเดินทาง พยากรณ์อากาศบอกว่า -10 ถึง15 องศา ทีนี้กระเป๋าเลยงอกออกมา นี่แหละเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถ้ากระเป๋าเยอะไม่ควรเดินทางรถไฟ ตอนแรกยังไม่เอะใจ ที่นั่งกว้างเราเอากระเป๋าไปล็อกไว้ข้างหลัง แล้วเอาสายพันติดกันหมดแล้วผูกไว้กับที่นั่ง โจรถ้าเดินมาหยิบกระเป๋าแล้วลากไปเป็นไปไม่ได้ ต้องล้วงมือแล้วไปตัดสายถึงจะลากกระเป๋าไปได้ แต่มันจะมีข้างบนที่วางกระเป๋าไว้บนหัว ซึ่งวางไว้จุดที่ผมมองเห็น เราเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม ไปแฟรงก์เฟิร์ต มันต้องแวะทุกสถานี พอจอดปุ๊บมันก็มีคนเดินเข้ามา แล้วก็โอเคไม่เป็นไรเฟิร์สคลาสคนน้อยแน่นอน"
หมอผึ้ง : "ที่นั่งก็มีว่างบ้าง แต่มันก็มีคนนึงมายืนอยู่ข้าง ๆ เรา เป็นช่วงที่เราคิดว่าอีกสักแป๊บนึงเราจะถ่ายรูป แล้วเก็บของนิดนึง เอากระเป๋าขึ้นแป๊บนึง เราก็เอ๊ะ ทำไมมายืนอยู่ข้าง ๆ"
กลม : "มันมีอีกคนเดินไปข้างหน้า ที่นั่งรถไฟมันจะนั่งหันหน้าเข้าหากัน แล้วมันมีคนมองหน้าแล้วก็ เอ๊ะ มองทำไม คนที่สงสัยคือคนข้างหน้า แต่คนอยู่ข้างหลัง หันไปมองมันก็ติ๋ม ๆ แต่งตัวดี กดมือถือ ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยใด ๆ ทั้งสิ้น อีกคนเป็นคนที่ 3 คิดในใจมันจะปล้นเราก็เป็นไปไม่ได้ เพราะกระเป๋าเราอยู่ตรงนี้ แล้วกระเป๋าผมที่บอกรัดไว้กับที่นั่ง คิดว่ามันปลอดภัยระดับนึง แต่ไม่ปลอดภัยถ้าคนมาจู่โจม คิดไว้แล้วว่าเดี๋ยวจะหยิบของลงมาแล้ว แต่ขอถ่ายรูปแป๊บนึง คาดว่าตอนที่เราทำกิจกรรมของเรา คนที่นั่งข้างหน้ามันคงส่งซิกว่ามันเผลอแล้ว ข้างหลังก็เอาไป ตอนนั้นรถไฟจอดพอดี"
หมอผึ้ง : "พอรถไฟกำลังออก กำลังจะปิดประตู ไปเลย"
กลม : "ได้ยินเสียง แล้วเราก็เฮ้ยวิ่งตามไป ประตูมันไม่ได้ปิดไปต่อหน้าต่อตา ผมคิดว่าถ้าวิ่งไปทันมันมั้ย ถ้ามีอาวุธแล้วถ้าเกิดมันแทงเราทำยังไง มันมีคนมากกว่าสองคนแน่นอน ระหว่างที่คิดประตูรถไฟก็ปิด ทุกวันนี้เห็นหน้ามันเห็นยังจำได้ จำชุด จำรองเท้าได้หมด"
หลังจากนั้นไปแจ้งความ
กลม : "หลังจากนั้นไปแจ้งเจ้าหน้าที่บนรถไฟก่อน คือพลาดตรงที่รถไฟที่นั่งเป็นรถไฟเยอรมนี แต่เรานั่งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์"
หมอผึ้ง : "แล้วจุดที่โจรมันเลือก มันรู้ว่าเป็นช่วงข้ามแดน พอเราแจ้งเสร็จปุ๊บ ข้ามเขตทำอะไรไม่ได้"
ตอนนั้นคิดว่าถ้ามีหลักฐานก็จะตามคืนได้
กลม : "ใช่ เราจำคนได้ ในใจคิดไว้รถไฟต้องมีกล้อง เดี๋ยวขอเจ้าหน้าที่ดู ไปบอกว่าขอหลักฐานได้มั้ยบนรถไฟ เราจำได้ จะได้มีหลักฐานว่ามันฉกของเราไป รถไฟที่เยอรมนีไม่มีกล้อง ทั้งคันไม่มีเลย เขาแนะนำว่าที่บนรถไฟไม่มีไม่เป็นไร แต่สถานีมีกล้อง แต่นั่นคือสถานีประเทศเนเธอร์แลนด์"
มูลค่าในกระเป๋า 400,000 บาท
หมอผึ้ง : "ใช่มันต้องตามกลับไป เพราะมันมีพาสปอร์ต ประเด็นหลักคือเรากลับบ้านไม่ได้ แล้วเวลาเราเหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมง"
กลม : "ในกระเป๋ามันจะมีแทรคกิ้ง ซึ่งผมไม่ได้ใส่ไว้เฉย ๆ นะ ผมซ่อนเอาไว้ มันเหมือน GPS สมมติคนที่ดูอยู่ ถ้าเหตุการณ์เกิดที่ประเทศไหน อย่าไปแจ้งข้ามประเทศเด็ดขาด กลับมาเลย เสียเวลา"
ไปแจ้งความเสร็จ ตามล่าไปถึงบ้านโจร
กลม : "ถูกต้อง โทรศัพท์มันจะขึ้นว่ากระเป๋าเราตอนนี้อยู่ไหน ต้องคอยแคปหน้าจอเอาไว้ เพราะพวกนี้ไม่มีบอกย้อนหลัง มันจะบอกตำแหน่ง ณ ปัจจุบัน ก็แคปเก็บไว้เป็นหลักฐาน เดินทางไปเป็น 10 จุด คิดดูจากเนเธอร์แลนด์ตรงปลาย ๆ เกือบถึงเยอรมันแล้ว มันไม่มีไฟย้อนไปแต่ละสถานี เพราะเห็นจุดสุดท้ายที่มันไปหยุดอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตอนนั้นคิดกันสองคน ถ้าจะไปแจ้งความสถานีที่โจรเอากระเป๋าโดดลงรถไป คือเราจะตามไปจุดที่โจรมันอยู่เลย ถ้าตัดสินใจไปจุดที่โจรอยู่ แปลว่าโรงแรม ระยะทางมันจะไกลขึ้น แต่เราก็ตามโจรไปถึงที่อยู่ของมัน มีสถานีตำรวจห่างจากที่โจรอยู่ เดินประมาณ 10 นาทีถึง เราเลยไปแจ้งความก่อน ซึ่งสถานีตำรวจที่อยู่ยุโรปไม่เหมือนบ้านเรา บ้านเราเดินขึ้นบันไดไปเจอตำรวจเลย ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้ว่าหรือโจมตีตำรวจเนเธอร์แลนด์ ไม่ใช่เลย แต่เราบอกให้ทุกคนฟังว่าวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ขั้นตอนการปฏิบัติงานของตำรวจยุโรปและตำรวจไทย มันไม่เหมือนกัน"
กลม : "สถานีตำรวจที่นั่นเขาจะมีประตูสองชั้น เข้าไปในสถานีจะไม่เห็นอะไรเลย มันเป็นกระจกสะท้อน เราก็ไปกดปุ่ม เขาถามว่ามาทำไม พอบอกไปเขาก็จะเปิดประตูให้เข้าไปชั้นหนึ่งแล้วรอ ประตูอีกอันเปิดถึงจะเข้าไปได้ เพราะอะไรตำรวจที่นั่นถึงทำแบบนี้ เพราะที่นั่นการมาเอาคืนกับตำรวจเยอะมาก พวกล้างแค้นตำรวจเยอะมาก เราเข้าไปแจ้งความบอกโดนขโมยของแทรคกิ้งเราตามมาถึงตรงนี้ เดินไป 10 นาทีถึง ขอกำลังตำรวจช่วยมากับเราหน่อยได้มั้ย ตำรวจบอกคุณมาแจ้งความก่อน แล้วก็ทำเอกสารอะไรเรียบร้อยหมดเวลาไปครึ่งชั่วโมง แล้วเขาก็บอกเดี๋ยวจะบอกเพื่อนของเขาที่เป็นหน่วยลาดตระเวนให้ไปดูตรงนั้นให้ ตำรวจที่เนเธอร์แลนด์เขาบอกว่าระบบของเขาผู้คนมีหน้าที่มาแจ้งความ ที่เหลือเขาจัดการเอง"
สรุปตอนนี้ได้แค่แจ้งความ ของก็ไปตามไม่ได้
กลม : "ของที่หายก็มีพวกกล้อง เมมโมรี่ พาสปอร์ต แท็บเล็ต แล้วก็พวกแว่นตากันแดด แว่นสายตา แอคเซสเซอรี่เรา ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้ว มันรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่มีใครทำให้โจรพวกนี้หายไปได้เลย หลับและฝันว่าโดนขโมย หลอนว่ามีคนมายืนล้อมเราแล้วจะเอาของไปตลอดเลย ความทรงจำในทริปนี้ก็หายหมดเลยคือทริปนี้ไม่มีรูป"
หมอผึ้ง : "วันแรก ๆ จะผวานิดนึงตอนกลางคืนมันจะตื่น แล้วมันฝันในเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ซ้ำ ๆ เหมือนเราแพนิคนิดนึง"
ที่มา : รายการ คุยแซ่บ Show