เรื่องราวของ "รักแรก" ของคนดังในวงการบันเทิงครั้งนี้ ถูกโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "วิริยะ พงษ์อาจหาญ" บอกเล่าเรื่องราวความหลังเมื่อปี 2517 พร้อมโพสต์ภาพในอดีต ชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความเห็นชื่อนชม รู้สึกใจฟู กับโมเมนต์ความรักในอดีต พร้อมทั้งแสดงความเห็นถึงภาพชายหนุ่มนักเรียนช่าง สวมใส่เสื้อช๊อป ที่ลงมาประกอบโพสต์อย่างมากมาย
สำหรับเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นที่ทราบดีว่าเจ้าของคือ "อุ๊บ วิริยะ" หรือ นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ เจ้าของฉายา นักปั้นมือทอง ผู้ปลุกปั้น "อั้ม" พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกคนดังของวงการบันเทิง
ทั้งนี้ในโพสต์ดังกล่าว "อุ๊บ วิริยะ" ได้เล่าเรื่องราวความรักเมื่อปี 2517 มีรายละเอียดว่า..
#รูปในความทรงจำ
ราวปีพ.ศ 2560 พี่อุ๊บและครูนงนุช ได้มีโอกาสได้คุยกัน หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลา 40 กว่าปี มันเป็นความรู้สึกและความทรงจำที่ดีมากๆ
ในช่วงของเวลาเมื่อย้อนไปเมื่อปี 2517 ที่เราได้รู้จักกัน ตอนนั้นพี่อุ๊บรู้สึกภูมิใจมาก..ที่สามารถชนะคู่แข่งขันที่เข้ามาจีบเธอเป็น10ๆคน ...และในที่สุด..พี่อุ๊บก็ชนะใจสาวหลุมข้าว..ผู้นี้ได้
แต่ก็มีมือที่3หลายๆคน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเข้ามาต่อต้านที่จะทำให้เราต้องเลิกลา แต่เราก็ยังคบกันฝ่าฟันอุปสรรคนั้นมาได้ แต่โชคชะตาพรหมลิขิตก็หักเห ตามที่เขาขีดลิขิตให้มาเมื่อพี่อุ๊บย้ายมาเรียนต่อที่กรุงเทพในราวปี 2518
คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้..แต่สามารถที่จะเปลี่ยนอะไรที่ไม่ดีให้เป็นดีได้และ...เหมือนดังเช่นที่เขาบอกว่า..เราสามารถรู้วันเกิดเราได้..แต่วันตายเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย..
ช่วงที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพ พี่อุ๊บ และ ครูนงนุช ก็ยังติดต่อกันทางเขียนจดหมายคุยกันส่งรูปถ่ายถึงกันตลอด นานๆเข้า...พี่อุ๊บก็ยอมรับเป็นคนหายไปเอง เพราะสิ่งรอบข้างบวกกับกำลังเป็นวัยรุ่นวัยคะนอง ก็มีหลงๆทางไปบ้าง บวกกับตัวเองชอบทำกิจกรรม..มีความสามารถ..ในการร้องรำทำเพลง วาดรูปและแต่งความได้เก่ง อาจารย์จึงโปรดปราน เลยกลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียนไปอีก
เพื่อนๆต่างชื่นชม และที่สำคัญมีสาวๆน่ารักทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องและรุ่นราวคราวเดียวกับเรา มาชอบมาติดพันพี่อุ๊บอยู่หลายคน (ช่วงนั้นยังมาดแมน ไม่มีอาการออกสาวใดๆครับ) ก็เลยระเริงหลงตัวเองไปพักใหญ่..และลืมครูนงนุช ไปเลยครับ
จวบจนเรียนช่างกล ราวปี 2520 ตอนนั้น รู้สึกคิดถึงครูนงนุชเหลือเกิน เลยกลับไปบ้านลุง ที่โคกสำโรง ลพบุรี เพือไปพบเธอ
เพื่อนบอกว่าเสาร์-อาทิตย์ นงนุช จะใช้เวลาว่าง..ขับรถ2แถว รับผู้โดยสาร จาก..หลุมข้าว มาตลาดซื้อของ ที่ โคกสำโรง โดยเธอรับเป็นโชเฟอร์เองด้วย เธอขับรถมานานแล้ว
เป็นที่กล่าวขวัญกันในโคกสำโรง ว่า มีสาวน้อยหน้าตาสวยสดงดงามอายุแค่ 17 ปีเองเป็นโชเฟอร์ขับรถ2แถว จากหลุมข้าว มา โคกสำโรง ทุก เสาร์-อาทิตย์
พี่อุ๊บ ไปหาเธอที่ท่ารถ โคกสำโรง ด้วยใจระทึกว่าจะพบเธอหรือเปล่า แล้วก็พบเธอ โดยที่ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อนเลย
...เราและเธอต่างดีใจ อาการสีหน้าและแววตาของเรา ก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่
..เราไม่ได้เจอเธอเกือบ2ปี..แต่ทว่า..เธอยังสวยน่ารักเฉกเช่นเดิม..ใบหน้าสวยหวาน..ปากเล็ก..จมูกหน่อย แต่ทว่าโด่งคมสัน ดวงตาของเธอดำขลับ โตกลมเป็นประกาย ผิวพรรณขาวผุดผ่อง...
...เรามองเธอ..แล้วยังตำหนิในใจเลยว่า เธอสวยน่ารักขนาดนี้ เราใจดำหายไปทิ้งเธอไปได้อย่างไร และก็แอบถามเธอว่าเธอมีใครหรือยัง
...เธอปฏิเสธบอกว่าเธอยังไม่มีใคร..นอกจากเรียนหนังสือ เสาร์ อาทิตย์ ก็มาช่วยพ่อขับรถ เรานี้ใจพองโตเลย..สัญญากับเธอ ว่าจะไม่หายไปไหนอีก
...เธอบอกว่าให้เราตั้งใจเรียนนะ แถมยังตำหนิ ว่าเราแต่งตัวแปลกๆไม่เรียบร้อย..อีก (ชุดที่ใส่มาก็เป็นแนวแฟชั่นเด็กกรุงเทพ ในยุคนั้น)
คุยกันได้ไม่นาน เธอจะต้องออกรถไปแล้ว เพราะผู้โดยสาร เต็มคันรถแล้ว เรารู้สึกใจหาย ก่อนจากกันเราสัญญากับเธอว่าจะตั้งใจเรียนและเป็นคนดีเพื่อ อนาคต ของเรา เรารู้สึกสงสารเธอมาก แค่อายุ17เองแต่เธอก็สามารถทำงานเยี่ยงผู้ชายหรือผู้ใหญ่ได้
เรามองรถที่เธอขับไปจนสุดสายตา..#ด้วยความรู้สึกที่ #ใจหายห่วงใยและรู้สึกรักเธอขึ้นมาอีกมากเลย
เมื่อเรามาเรียนช่างกลพระรามหก กรุงเทพ ส่วนเธอเรียน วิทยาลัยครูเทพสตรี ที่ลพบุรี แรกๆก็ยังติดต่อกันดี..หลังๆเราก็เป็นเหมือนเดิมอีก
ในสถาบันช่างกล แม้จะสับสนในตัวเอง ว่าจิตใจเราเป็นอะไร กันแน่..จะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย..เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เพื่อนๆในช่างกลมีแต่คนน่าตาหล่อ หุ่นดี ใจเราเริ่มคล้อยตาม
ตอนนี้แหละ ที่เราชั่วสุดๆ ทั้งกินเหล้า พี้เนื้อ กัญชา ตีกัน หรือไปเที่ยวกะหรี่ ในราคา 50 บาท เมื่อปี 2520 แถวบางขุนพรหม เพื่อนเที่ยวเราก็เที่ยว
เราทำทุกอย่างเพื่อสร้างภาพ ให้เราดูแมน และเป็นผู้นำของสถาบันได้ ถึงขนาดพาเพื่อนไปตีกับเด็กก่อสร้าง จนเราถูกยิงคางทะลุ เป็นข่าวขึ้นหน้า 1 ของหนังสีอพิมพ์ในราวปี 2524 มาแล้ว
ในที่สุดเพื่อนๆทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ในสถาบัน..ต่างก็ยอมรับในตัวเรา!!
เราใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ผ่านมาหมดสิ่งที่เลวๆทุกอย่าง เกือบติดคุกติดตะรางก็เคย ทั้งๆที่พ่อเราเป็นพัศนีอยู่เรือนจำ จนญาติพี่น้องเราเอือมระอา ประกาศตัดญาติไม่เผาผีกันเลย
เราต้องพิสูจน์ตัวเองกลับตัวกลับใจ กว่าจะเรียนได้ก็3สถาบันและใช้เวลาเรียนถึง 4-5 ปี ช่วงนะเวลานั้น เราลืมนงนุชผู้หญิงที่อยู่หลุมข้าว ไปแล้ว
ชีวิตมนุษย์ ก็เปรียบเสมือนกับ เรือมนุษย์ ลำใหญ่ ที่ต่างคนต่างขึ้นเรือ เมื่อถึงฝั่ง..ต่างคนก็ต้องต่างลง เพื่อไปในที่ของตน
...เราและนุชก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนถึงปี 2560 เราถึงได้ติดต่อกัน
...เราต่างดีใจและคุยกัน เราไม่ตำหนิกันเลยว่าใครผิดใครถูก เรามีแต่ความทรงจำที่ดีๆให้แก่กัน
...และครูนงนุช..ก็ส่งรูปนี้มาให้เรา
...เราลืมไปแล้วรูปนี้
...เธอบอกว่าเราส่งรูปนี้ไปให้เธอตั้งแต่ปี 2520..ก็เกือบ 40 กว่าปี ที่เธอยังเก็บรูปนี้ไว้
...เธอบอกกับเราอีกว่า "..อุ๊บจำได้ไหมว่า..อุ๊บ เขียนหลังรูปให้นุชว่าอย่างไร ?.."
..เราตอบว่า "อุ๊บ จำไม่ได้จริงๆ.."
แล้วเธอก็ถ่ายหลังรูป..ส่งมาให้เรา..ซึ้งหลังรูปเรามีข้อความว่า..
#ให้นุชเป็นที่ระลึก
#รักนุชเสมอ
#อุ๊บ
เสียดายข้อความหลังรูป หายไปตั้งแต่เปลี่ยนโทรศัพท์ แต่โชคดีรูปนี้ยังอยู่
เราถึงกับอึ้งไปเลย ที่ครูนงนุช เธอยังเก็บรูปของเราไว้ แต่ทว่าเราไม่สามารถเก็บรักษารูปของเธอ ที่เคยส่งมาให้เราได้เลย
คุยกันครั้งล่าสุดเธอยังบอกอีกว่า "นุชจะเก็บรูปของอุ๊บไว้ ด้วยเป็นครั้งแรกของนุชที่มีความรู้สึกและความทรงจำทีดีๆกับอุ๊บ และตอนนี้เราและอุ๊บก็ยังเป็นกัลยาณมิตรที่ดีเหมือนเดิม..ตลอดไปค่ะ"
ก่อนหน้านี้ อุ๊บ วิริยะ ได้โพสต์ถึง คุณครูนุช โดยนำภาพปัจจุบันและภาพเมื่อปี 2517 มาโพสต์ประกอบรายละเอียดโพสต์ที่มีข้อความ ระบุว่า
นี้คือรูปถ่ายของ #คุณครูนงนุช ในวัยย่าง 65 ปีครับ
#รักครั้งแรกของพี่อุ๊บตอนอายุ 15 เมื่อปี2517
..รักที่ไม่ได้ครอบครอง..แต่มีความรู้สึกที่ดีกันตลอด..ครับ..
นอกจากนี้ ยังได้โพสต์เรื่องราวของ คุณครูนุช ไว้ในเฟสบุ๊ก ดังนี้
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งประทับใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และชื่นชมในโมเสนต์น่ารักๆรับเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก วันวาเลนไนท์ อาทิ
เปิดประวัติ "อุ๊บ วิริยะ"
นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรือ "อู๊บ" เป็นคนลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2505 บิดาคือ นายวีระพันธุ์ พงษ์อาจหาญ มารดา คือ นางไพริน พงษ์อาจหาญ เป็นลูกคนเล็กในจำนวน 3 คน
"อุ๊บ วิริยะ" เป็นนักปั้นดารา-นักร้อง จบการศึกษา ปวช.ช่างกลพระราม 6 ก่อนผันตัวเองมาเป็นแมวมอง เคยเป็นหนึ่งในผู้ชักนำและสอนเดินแบบคนแรกให้กับ "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" ซึ่งอั้มเคยพูดกรณีนี้ว่า อั้มเคารพทุกคน เพราะมีหลายคนที่มีส่วนผลักดันอั้มมาตลอด
นอกจากนี้ยังมีปั้นดาราอีกคนอย่าง เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น , ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ, เวฟ สาริน, ฟิวส์ กิตติศักดิ์, ทีน สราวุฒิ, เพชร ฐกฤต, ฮัท ศิววงศ์ , เวย์ ไทยเทเนี่ยม, แคท รัตตกาล
อุ๊บ วิริยะ ยังได้เขียนหนังสือในช่วง พ.ศ. 2540 ปั้นคนให้เป็นดาว และในปี 2548 เขียนหนังสือเรื่อง นางมารร้ายนักปั้น