ภายหลังจาก "อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี กิตติสิทโธ" อดีตพิธีกรชื่อดังยุค 90s เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ล่าสุดนั้นทางด้าน "อิ๋งอ้อย สิทธิวดี" น้องสาวได้เดินทางนำเงินของพี่สาว บริจาคให้กับโรงพยายาลรามาธิบดี จำนวน 10 ล้านบาท พร้อมเปิดใจกรณีถูกอดีตพี่เขยฟ้องทวงหนี้
"ตั้งแต่พี่อิ๋งเสียไป พี่อ้อยบริจาค ทำแล้วคือห้องน้ำที่อินเดีย เพราะพี่อิ๋งไปถ่ายทำพระธรรมทูตที่อินเดีย ก็มีพระอาจารย์ณรงค์ พี่อ้อยบริจาคสร้างห้องน้ำไป อันนั้นคือวัดอโยธยาราม ที่อินเดีย และก็มาทำที่นี่ค่ะ"
หลังจาก "พี่อิ๋ง" เสีย เราเป็นผู้จัดการมรดก ?
"ใช่ค่ะ ต้องรวบรวมทรัพย์สมบัติ มีที่ดิน เครื่องเพชร เงินสด อะไรที่อยู่ตรงไหน เราต้องรวบรวมไว้ตรงกลาง ทำรายการไว้ค่ะ คือพี่อ้อยตั้งใจบริจาคทั้งหมด อย่างวันนี้ที่บริจาค มีความรู้สึกว่าเงินส่วนนี้ไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงที่พี่อ้อยหามาเป็นของพี่อิ๋ง พี่อิ๋งป่วยด้วยโรคมะเร็ง เขาเสียที่นี่ เลยมองว่าโรงพยาบาลรามาธิบดี เราสามารถไปช่วยคนอื่นต่อได้เยอะมาก คือเราบริจาคหมดเลยไม่เก็บค่ะ"
ทรัพย์สิน "พี่อิ๋ง" ที่ยังมีอยู่ ?
"ยังมีเครื่องเพชร และหลายสิ่งที่ยังหาไม่เจอ ไม่ซ่อน แต่เราหาไม่เจอ คือเราไม่รู้ว่าไปไหน แต่เรารู้ว่ามี แต่เรายังหาไม่เจอ ตอนนี้ยังหาอยู่"
ย้อนกลับไปที่งานศพ อดีตสามีมาเรียกร้องว่าเป็นสินสมรส ?
"ณ ตอนนี้ขั้นตอน คือหนึ่งเราคุยกับทนายอยู่ ไม่สามารถบอกอะไรได้ทั้งหมด ณ ตอนนี้บางอย่างจะทำให้คดีเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นคือถ้าจะสัมภาษณ์พาดพิงถึงสามีเก่า พี่อ้อยคิดว่าไม่พูดถึงดีกว่า ตอนนี้พี่อ้อยโดนฟ้อง ฟ้องว่าพี่อิ๋งติดหนี้เขา ซึ่งพี่อ้อยบอกว่าถ้าติดหนี้ก็เอาหลักฐานมา เรายินดีใช้ ไม่อยากให้พี่อิ๋งติดหนี้ไปถึงชาติหน้า ถ้าพี่อิ๋งมีหนี้ ใครมีหลักฐาน แล้วพิสูจน์ได้ว่าอันนั้นคือหลักฐานจริง เราจ่ายให้หมด"
"เขาบอกว่าติดหนี้จากเงินยืม อันนั้นที่เขาตีมา ณ ตอนนี้ประมาณล้านกว่าบาท"
ถ้ามีหลักฐานยินดีใช้ ?
"แน่นอน อ้อยไม่ให้พี่อิ๋งติดหนี้ใคร พี่อิ๋งติดหนี้ใครหรือมีอะไร ถ้าเรารู้นะ อย่างหนี้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิตอ้อยไปไล่ปิดทุกอย่าง พี่อิ๋งไม่มีหนี้ เพราะฉะนั้นพี่อิ๋งไป พี่อิ๋งต้องไม่มีอะไรติดตัวไปถึงชาติหน้า"
รู้สึกยังไงที่โดนฟ้อง ?
"อ๋อ เด็ดมากค่ะ พี่อิ๋งตายวันที่ 2 ก.ค. ใช่มั้ย อ้อยเตรียมจัดบ้านทำบุญพระ วันที่ 1 มีหมายศาลมาผูกประตูหน้าบ้านอ้อย คือเขากะเวลาได้ตรงเป๊ะมากว่าวันนี้ทำบุญ วันนี้เอาหมายศาลมาผูกหน้าบ้านเลย ก็ไม่ได้คุยกัน เราให้ทนายคุย พอมาถึงขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกัน เพราะพี่อ้อยเป็นคนดูแลทรัพย์สิน พี่อ้อยไม่ได้เป็นหนี้ เพราะฉะนั้นคุณไปเอาหลักฐานมา แล้วคุณก็เอามาเคลียร์ ณ วันนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน พี่อ้อยพูดคำนี้ดีกว่า ใช่หรือไม่ใช่เราไม่รู้"
ย้อนไปตอนที่ "พี่อิ๋ง" เสีย เขาได้มาขอสมบัติ หรือขอแบ่งมรดก ?
"เขาไม่ได้ขอแบ่งมรดก มาในลักษณะว่าขอเรียกคุยกับพี่น้อง เอาน้องสาวไปคุย เอาพี่ไปคุย เอาทุกคนไปคุยว่าพี่อิ๋งมีหนี้นะ อ้าวแล้วพี่อิ๋งมีหนี้แล้วไง เขาบอกว่าพี่กับน้องสาวมีศักยภาพที่จะใช้หนี้ให้พี่อิ๋งได้ หมายความว่ายังไง คือจะให้พี่กับน้องสาวใช้หนี้ให้พี่อิ๋ง หนี้ตรงนั้นมันเกิดจากอะไร เพราะฉะนั้นบอกสิ เคลียร์หนี้อะไรบอกมา พี่อ้อยบอกตรงนี้เลยว่า กินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า ถ้าจะให้เอาเงินไปใช้หนี้ วันนั้นก็คือสรุปกันไม่จบ คือต่างคนต่างแยกย้าย เพราะพี่บอกว่าพี่กินข้าวพี่ไม่ได้กินหญ้า"
ขึ้นศาลไปเมื่อไหร่ ?
"ขึ้นแล้วเมื่อวาน (4ก.ย. 66) พี่ไม่ได้ไปส่งทนายไป ทนายมาบอกว่าไม่ได้คุยกัน ฟ้องแพ่งว่าพี่อิ๋งเป็นหนี้เขา เขาฟ้องพี่เป็นจำเลยที่หนึ่ง บริษัทฯ เป็นจำเลยที่สอง คือบริษัทฯ หยุดดำเนินการแล้ว แต่เนื่องจากว่าการเซ็นของกรรมการทั้งหมดจะต้องมีกรรมการ พี่เลยใส่ชื่อตัวเองเป็นกรรมการปุ๊บเขาฟ้องทันทีเลย เขารอเวลาอยู่แล้ว จะบอกว่าเขาฟ้องบริษัทฯ ว่าบริษัทยืมเงินมาก็เอาหลักฐานมาดูกันว่ายืมจริงมั้ย"
คิดจะฟ้องกลับมั้ย ?
"เราปล่อย ที่ไม่ฟ้องเนี่ย เราอยู่นิ่ง ๆ ของเรามานานแล้ว สัจจะออกจากปากลูกผู้ชายนะ เขาพูดกับแฟนน้องสาวว่า เขาจะไม่มายุ่งอะไรกับครอบครัวพี่อีกแล้ว วันนี้กลับมาอีก เราไม่ยุ่งกับเขามานานมาก แต่ถ้าทำแบบนี้พี่อ้อยบอกเลยว่ารื้อ ไม่ได้จองเวรแต่เอาความถูกต้องมาคุยกัน"
ที่มา : คมชัดลึก