svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

ใครจะคิด "วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์" เจ้าพ่อทอล์กโชว์ "ตายไมค์" มาแล้ว

05 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไม่บ่อยครั้งนักที่พิธีกรระดับตำนานของวงการบันเทิง "วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์" จะออกมาเปิดใจ ล่าสุดยอมเผยเส้นทางกว่า 40 ปีที่ยืนหยัดอยู่ในแวดวง และจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นเจ้าพ่อแห่งรายการทอล์กโชว์

ชีวิตวัยเด็ก "เป็นคนยะลา อยู่ยะลาถึงอายุ 17 ปี เกิดที่นั่น คลอดที่นั่น โตที่นั่น เรียนที่นั่นแล้วก็เรียนที่กรุงเทพฯ มศ.4 เรียนอยู่ 2 ปีกว่า ๆ พอจบ มศ.4-มศ.5 ก็สอบเอนทรานซ์เลือกแบบไม่ดูเงาหัวตัวเอง เลือกจุฬาฯ ศิลปากร ชอบศิลปะ อันดับ 1 เลือกศิลปะศาสตร์ จุฬาฯ ชอบภาษา ไม่ติดสักคณะ พ่อเลยบอกให้ไปเรียนรามฯ แต่รู้สึกตัวเองชอบภาษาเลยอยากไปเมืองนอก แต่ที่บ้านไม่ให้ไป ไม่มีตังค์ จนพี่ชายคนที่สองชื่อคุณอรรถพล เค้าก็ภาคภูมิใจจนทุกวันนี้ เค้าซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว ถ้าจะกลับให้หาซื้อตั๋วกลับมาเอง ออสเตรเลียยุคนั้นค่าเรียนฟรี เราชอบศิลปะเลยเลือกคณะศิลปะศาสตร์ เรียนอยู่ 4 ปี แล้วก็ได้ทำงานที่นั่นเลย งานแรกที่กระทรวงศึกษาธิการของซิดนีย์ ออสเตรเลีย ทำไปได้พักนึงพอดีหนังสือพิมพ์ลงประกาศต้องการ อาร์ต ไดเร็คเตอร์ให้เกมส์โชว์เด็ก เราก็หิ้วพอร์ตโฟลิโอไป"

ใครจะคิด วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เจ้าพ่อทอล์กโชว์ ตายไมค์ มาแล้ว

 

 

ชีวิตครอบครัว "ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นก็มีครอบครัว ตอนนั้นมีลูกแล้วยังเล็กอยู่เลย เจอกับภรรยาตั้งแต่ตอนไปปีแรก ตอนไปปีแรกต้องไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน 3 เดือน ก็เจอภรรยาที่นั่น ภรรยาเป็นคนไทยด้วยกัน ในโรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษ ก็แปลว่าเป็นนักเรียนที่มาจากประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ตอนนั้นอายุ 17 ก็คุยกันรู้เรื่องดี คนไทยในซิดนีย์ ออสเตรเลีย ตอนนั้นไม่ได้มีเยอะ จับกลุ่มรวมกันคุยกันเองก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจน เป็นเพื่อนร่วมก๊วนกัน" 

จุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อเดินทางกลับมาเมืองไทย "นั่งอยู่บ้านแล้วก็ดูทีวี เห็นมีผู้ชายผมหยิก ๆ คนนึงนั่งอ่านข่าว เค้าจะทำแบบที่เราเคยทำตอนอยู่ออสเตรเลีย คนนั้นชื่อ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อ่านข่าวช่อง 9 อสมท ยังมีไอ้นี่ต้องทำ ไอ้นี่ก็ยังต้องเปลี่ยน ฉากตรงนี้ก็ไม่ค่อยดี เรารู้เลยว่าเค้าต้องการทำอะไรและกำลังจะไปสู่จุดไหน มันเป็นการเสนอข่าวแบบฝรั่งแนว CNN ก็เดินเข้าไปเลย สวัสดีครับอาจารย์ ผมมาสมัครงานครับ สมัครอะไรฉันไม่ได้ประกาศ ก็เข้าไปสวัสดีบอกผมมาสมัครงาน ผมมาจากออสเตรเลีย ผมทำงานที่ฝ่ายข่าวที่ Channel 9 ของออสเตรเลีย ผมมานำเสนอในสิ่งที่อาจารย์ขาดอยู่ ก็ยืนคุยกันอาจารย์ก็บอกว่าเดี๋ยวนัดคุยกัน หลังจากนั้นพอนัดกันก็เปิดงานให้เค้าดูก็คืองานทีวีข่าว ไม่รับก็แย่แล้ว ก็ได้ออกแบบฉาก ออกแบบไตเติ้ลใหม่ ข่าว 9 อสมท ที่เป็นเลข 9 หมุน ๆ อันนั้นอาเป็นคนทำออกแบบคอนเซ็ปต์ ออกแบบโต๊ะ ก็ทำอยู่ประมาณปีนึง อาจารย์สมเกียรติเป็นผู้ปฎิวัติวงการข่าวของประเทศไทยเป็นประวัติศาสตร์เลย เราก็ไปทำเบื้องหลังนั่นแหละ"

ใครจะคิด วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เจ้าพ่อทอล์กโชว์ ตายไมค์ มาแล้ว ใครจะคิด วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เจ้าพ่อทอล์กโชว์ ตายไมค์ มาแล้ว

 

จากเบื้องหลังสู่เบื้องหน้า "ทำไปได้ปีนึง ข่าวพยากรณ์อากาศอาทำอยู่ตอนอยู่ออสเตรเลีย ทำมาหมดรู้หมดแล้ว เลยถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ไม่หาคนมาอ่านข่าวพยากรณ์อากาศ ผมเสนอเป็นคอนเซ็ปต์ให้เอามั้ย ผมวาดเป็นสตอรี่บอร์ดให้ ถ้าเราดู CNN ทุกวันนี้มันก็เป็นแบบนี้ อาจารย์ดูแล้วก็บอกว่าใช้ได้ คอนเซ็ปต์นี้โอเค เอาเลยเอาแบบนี้ บอกอาจารย์ว่าคอนเซ็ปต์อันนี้ผมทำให้ได้ไม่มีปัญหา ฉากหลังเดี๋ยวผมออกแบบให้ แต่อาจารย์จะเอาใครมาอ่าน อาจารย์บอกใครจะไปรู้ว่าต้องทำยังไงนอกจากคุณ คุณนั่นแหละอ่าน ผมรู้วิชาภูมิศาสตร์ตอนอยู่ ม.ต้น แรงลม เรื่องของเมฆ เรื่องของลมบก ลมทะเล ความกดอากาศ อาจารย์บอกไม่รู้ก็ไปเรียนที่กรมอุตุฯ อาจารย์ยกหูกริ๊งเดียว คงพูดประมาณว่าเราต้องการส่งคนไปเรียนเพื่อการนำเสนอข่าวพยากรณ์อากาศ หลังจากนั้นก็มีความรู้มาพอที่จะนำเสนอได้ เป็นรายการสดตื่นเต้นมาก เพราะอยู่เบื้องหลังมาตลอด สุดท้ายตาย จะรอดเหรอ มันไม่เดดแอร์แต่พูดผิด พูดผิดแล้วก็แก้ แก้แล้วก็ขออภัยครับ หลัง ๆ มีคนบอกว่าถ้าพูดผิดไม่ต้องขออภัยเผื่อเค้าไม่รู้ข้ามไปเลยแล้วพูดใหม่ แต่คนชอบเพราะเป็นเรื่องใหม่ รายการ 2 นาทีกว่าเองตอนจบก็มีตบมุกหน่อย ช่วงนี้ความกดอากาศสูง ไม่ทราบว่าความกดอากาศหรือความดันอาจารย์สมเกียรติ ไม่ทราบวันนี้สูงหรือต่ำครับเชิญครับ ส่งไปแบบนี้คนดูชอบ"

ผันตัวเองมาเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการทอล์กโชว์ "ทำรายการพยากรณ์อากาศอยู่สองปีก็ต้องมีมุกอย่างที่ว่า ผมไปบอกอาจารย์ว่าหมดมุกแล้ว เพราะทำ 7 วันต่ออาทิตย์ 365 วันต่อปี อาจารย์เค้าก็ไม่มีปัญหา คุยไปคุยมาก็ถามอาจารย์ว่าเรามาทำทอล์กโชว์กันมั้ย ตอนนั้นในเมืองไทยยังไม่มี ก็เป็นรายการ คืนนี้ที่ช่อง 9 เราเป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบเองหมดเลย เป็นรายการสัมภาษณ์ดารา สมัยก่อนไม่มีใครออกมาสัมภาษณ์แบบนี้เลย จนทำเทปที่ 5 อาจารย์บอกมีอะไรจะคุยด้วย บอกว่าผมจะลาออก ทำให้ต้องหาพิธีกร ติดต่อไปหลายคนปฏิเสธหมดทุกคน จนวันที่ 6 ทุกคนในที่ประชุมบอกคุณนั่นแหละ พูดทำนองที่ ดร.สมเกียรติ เคยพูดว่าก็ใครจะไปรู้ดีกว่าคุณล่ะ คุณสร้างรายการนี้ขึ้นมา แล้วก็เคยออกทีวีแล้ว เคยตายไมค์มาแล้วคงเคยชินกับความล้มเหลวมาบ้างแล้ว แต่ก็ลำบากมากแม้ว่าจะเป็นรายการบันทึกเทปแต่ก็ตื่นเต้น ถ้าพลาดเราตกเหว ถ้าตกเหวเราตาย แต่ตัดต่อได้ ใจชื้นมาหน่อย นั่นคือจุดเริ่มต้นในการเป็นพิธีกร แล้วก็ทำรายการนี้มาประมาณปีครึ่งถึงสองปี"

"หลังจากนั้นก็มาเป็นรายการ 4 ทุ่มสแควร์ เกิดจากว่าเราหมดมุกอีกแล้ว ไม่รู้จะยังไงดี เริ่มรายการใหม่ดีกว่า ลาออกจากบริษัทเดิม มันไม่มีตัวอย่างให้ดูในประเทศไทย เราทำด้วยการครีเอทมาจากความรู้สึกและครีเอทีฟไอเดียของเราล้วน ๆ แต่ตอนนั้นจำได้ว่ามีเรื่องที่น่าสนใจในต่างประเทศก็คือโฮมวีดีโอ คนเค้าซื้อกล้องมาถ่ายรูปถ่ายเด็ก ถ่ายภรรยา เอาลูกมาแกล้งบีบมะนาวให้ลูกกิน ลูกขวบนึงกินแล้วก็เปรี้ยว น่ารัก ถ้าเราเอามาออกส่วนหนึ่งของรายการเราน่าสนใจ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ 4 ทุ่มสแควร์ นอกจากสัมภาษณ์ก็มีโฮมวีดีโอเป็นพระเอกเลย คนชอบดูน่ารักมาก 4 ทุ่มสแควร์ 7 ปี 7 เดือน ตอนนั้นพิธีกรมี ตุ๊ก ดวงตา กับ เด๋อ ดอกสะเดา"

"เลิก 4 ทุ่มสแควร์กะไปพักยาวเลยหอบลูกกับเมียไปออสเตรเลีย ตั้งใจจะไปอยู่ระยะยาว ๆ ซักระยะ มีอยู่วันนั่งดูรายการทีวี มันมีรายการนึง ชื่อ รายการเรียลทีวี โฮมวีดีโอจะน่ารัก ๆ แต่อันนี้ดูแล้วมันมีภาพ ๆ นึง เค้าบอกว่าเกิดเหตุการณ์มีเด็กวัยรุ่นขโมยรถถังจากกองทัพบกของอเมริกาเอามาขับเล่นอยู่กลางถนนในลอสแอนเจลิสกลาง LA รถถังคันนี้มีเด็กอายุประมาณ 16 อยู่ข้างในมันเอามาขับเล่น เค้าก็กลัวกันว่าจะยิงปืนใหญ่เป็น สนุกมาก นั่งดูอยู่ที่บ้านเพื่อน พอกลับมาเมืองไทย พี่อ้วน อรชร ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ บอกว่านายอยากคุยด้วย นายประวิทย์ มาลีนนท์ ตอนนั้นตบเข่าเลยได้งานแล้ว แล้วก็จริงตามที่คาด คุยไปคุยมาก็ชวนมาทำรายการ เป็นรายการ ตี10"

"ตอนนั้นบอกคุณประวิทย์ครับ ผมอยากได้รายการนึงชื่อรายการเรียลทีวี ผมเอา End Title ให้ดูว่าผลิตโดยบริษัทอะไร ผมไม่มีศักยภาพในการติดต่อ ถ้าไปโดยช่อง 3 เค้าจะติดต่อได้ง่าย คุณประวิทย์ก็ติดต่อเลยจะขอซื้อรายการชื่อเรียลทีวี ขอซื้อยากมาก ผ่านไป 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้ว ฝ่ายจัดซื้อยังจัดซื้อไม่ได้ เราก็บอกว่าถ้ายังไม่มีผมขอเลื่อนจนกว่าจะซื้อได้ มันซื้อได้ใช่มั้ยครับ เค้าบอกว่าซื้อได้แต่ยังไม่ตอบมาสักที หลังจากตอบแล้วก็ต้องมีส่งฟุตเทจมาให้เรา มีเซ็นสัญญา รออยู่ 7 เดือน ก็รอไม่งั้นไม่ขึ้นรายการ"

วิกฤติในชีวิต "เมื่อก่อนมีช่องแค่ไม่กี่ช่อง พอเกิดทีวีดิจิตอล เราคนผลิตก็ตาย คนดูถูกแย่งเงินโฆษณาถูกแชร์ เงินโฆษณาก็หายไป ตอนนี้ต้องเข้าไปอยู่ในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม พอมีโควิดมาอีก ยังไม่ทันฟื้นดีเลย คิดว่าจะหายใจหายคอได้ จะลุกขึ้นมาได้โดนเปรี้ยงขึ้นมาอีก ตายไปอีกรอบนึง ตายซ้ำตายซ้อน ก็ขาดทุน แม้แต่ดันดาราก็ขาดทุน ก็เป็นธรรมชาติมีขึ้นก็ต้องมีลง การทำรายการโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องง่าย ยากมากที่สุดก็คือการทำโทรทัศน์ให้ดี การทำโทรทัศน์อาจไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่จะทำให้ดีโคตรยาก เลยรู้สึกว่าคิดอะไรได้เราก็ทุ่มลงไปในนั้นหมดเลย มีความรู้สึกว่าก็ทำไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่แรงยังมี ตราบใดที่สมองยังคิดได้ อยากคิดเป็นคนชอบคิด"

 

ใครจะคิด วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ เจ้าพ่อทอล์กโชว์ ตายไมค์ มาแล้ว

 

ที่มา : รายการคุยแซ่บShow

 

 

 

logoline