
เป็นคู่ที่อยู่ด้วยกันยาวนานคือ 14 ปี ?
ลิฟท์ : "แต่งงานมา 14 ปี"
หญิง : "คือคบกันมา 4 ปี ถึงจะแต่งงาน"
คุณพ่อเป็นสายสปอยล์ ?
ลิฟท์ : "มันก็ปฏิเสธลำบาก เรามีลูกสาวก็อยากดูแลเขาให้ดีที่สุด บางทีเห็นเขาอยู่ในวัยอย่างนี้ เราก็กลัวถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันไม่คุ้ม"
หญิง : "อยากสนิทกับลูก อยากให้ลูกไว้ใจ เขาสปอยล์ทุกอย่าง เราเป็นคนเจ้าระเบียบ เรื่องเล่นเกมจะพยายามเบรกไว้ แต่พอเขาไม่ได้จากเราก็จะไปหาพ่อ ไปกระซิบกัน 2 คน เดี๋ยวป๊าซื้อให้ ๆ"
สนิทกับลูกแบบนี้ห่วงหรือหวงขนาดไหน ?
ลิฟท์ : "น่าจะเป็นห่วงมากกว่าไม่ได้ถึงกับหวง ห่วงคือเรื่องความปลอดภัย เห็นข่าวเยอะ บางทีคนที่เข้ามามันมีทั้งคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งคนที่รู้จักเอง สอนลูกเสมออย่าไว้ใจใครง่าย ๆ มีอะไรให้มาปรึกษาเรา หรือมีอะไรที่ฉุกเฉินจริง ๆ ให้เดินออกมาจากตรงนั้นเลย"
เด็กวัยนี้เริ่มสนใจเพศตรงข้าม มีปรึกษาคุณพ่อคุณแม่บ้างมั้ย ?
ลิฟท์ : "มี ตอนนี้เขามาปรึกษา มีคนมาจีบเขาหลายคน เราก็บอกบางทีวัยนี้คบกันเป็นเพื่อนสิลูก ถ้าอยู่ ๆ หนูตัดสินใจเลือกคนนี้แล้วนะ ถ้าเกิดคบไปคบมาอีกคนมันดีกว่าทำยังไง จะเป็นการสอนให้เขาคบเป็นเพื่อนไปก่อน ถึงเวลาอนาคตเดี๋ยวค่อยว่ากัน ยกตัวอย่าง พ่อกับแม่กว่าจะได้มาเจอกันอายุ 28 นะลูก ซึ่งหมายความว่าระยะทางอีกไกลเลยกว่าลูกจะไปเจอคนที่ใช่"
วางแผนสอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ ?
ลิฟท์ : "ต้องวางแผนสิ มันปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ นะ เอาง่าย ๆ จากตัวเราเอง เมื่อก่อนตอนเราเป็นเด็ก พ่อแม่ห้ามขนาดไหนเรายังแอบไป ทุกอย่างเรารู้ว่านี่คือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นควรสอนลูกว่ามันคือเรื่องจริง แต่ควรปฏิบัติตัวยังไง ควบคุมยังไงในอนาคต"
หญิง : "ใจหญิงคิดว่าผู้หญิงด้วยกันคุยกันน่าจะง่ายกว่า อย่างพ่อกับลูกคุยกันบางทีอาจจะมีตะขิดตะขวงนิดนึง แต่เราพยายามสอนเขาในเรื่องของการป้องกันตัวเองมากกว่า สอนให้รู้ว่าถ้ามันพลาดขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า ครอบครัวสำคัญกว่าทฤษฎีที่โรงเรียน ความใกล้ชิดการพูดคุย เปิดใจคุยกันเป็นเรื่องสำคัญ เราคิดว่าเราคุยกับลูกทุกเรื่อง อยากให้ลูกไว้ใจ"
เมื่อก่อนชื่อ "ลิฟท์ สุพจน์" อยู่อันดับต้น ๆ แต่ตอนนี้ฉายากลายเป็น ลิฟท์กลัวเมีย, ลิฟท์ทาสเมีย, ลิฟท์ทาสลูก จริงมั้ย ?
ลิฟท์ : "มันไม่ได้เป็นทาสหรอก เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไง ทำอะไรที่เขามีความสุข เหมือนเขาบอกว่าจะทำยังไงให้ชีวิตเรามีความสุข เราก็ทำให้เมียถูกทุกข้อ แล้วเราจะมีชีวิตที่มีความสุข" ( เป็นคนโอนไว ) อย่างที่บอก ถ้าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข ก่อนที่เราจะมีความสุข ภรรยาเราต้องมีความสุขก่อน ถ้าเขามีความสุข ชีวิตเราก็จะสงบ อะไรที่สามารถให้เขาได้ เราก็ให้"
คู่นี้เวลาจะจู๋จี๋กันต้องนัดกัน ทุกวันนี้ยังนัดกันอยู่มั้ย ?
ลิฟท์ : "ช่วงนี้ไม่ได้นัดกันเลย ลูกนอนในห้อง ตอนนี้ย้ายห้องแล้ว แยกห้องนอนกัน"
หญิง : "แต่หญิงนอนกับลูก"
ลิฟท์ : "มีปัญหาครอบครัวอยู่ตอนนี้"
ที่เขาลือกันว่ามีคู่รัก Y2K หรือคู่รัก 90 จะเลิกกันอีกคู่ ?
ลิฟท์ : "ไม่เลิกสิ อันนี้แค่แยกห้องนอน"
หญิง : "ปัญหาเกิดจากการแยกห้องนอน การใช้ชีวิตปกตินี่แหละ กรนดัง แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเลย"
ลิฟท์ : "ผมเป็นคนนอนหลับลึก เวลาเขาเรียกเราจะไม่รู้เรื่อง เราเป็นคนที่นอนเร็ว เขานอนทีหลัง บางทีลูกหลับก่อน ลูกสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรนเรา แล้วเขานอนไม่ได้เต็มที่ เพราะเขาต้องตื่นไปเรียน นี่เขาก็บ่นตลอดเวลา เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยนะ กรนตลอดเวลา เราก็โอเคเพื่อความสบายใจแยกห้องไปนอนดีกว่า เพื่อที่จะให้เขานอนได้เต็มที่"
หญิง : "ตอนแรกไม่ได้ยอมให้เขาแยกห้อง ทนทรมานอยู่สักพักใหญ่ สุดท้ายมันไม่ไหวจริง ๆ เลยยอมปล่อย"
ปล่อยให้สามีไปซื้อกิน ทำไมยอมขนาดนั้น ?
หญิง : "หลังจากมีลูกแล้วด้วยมั้ง เวลาส่วนใหญ่ก็ไปอยู่ที่ลูก แล้วเรื่องเวลาที่จะใช้อยู่ด้วยกันสองคน เราเข้าใจผู้ชายมันคงมีบ้าง แต่เขาดีอย่างหนึ่ง เราเปิดโอกาสให้ เขาก็ไม่ได้ใช้โอกาสอย่างฟุ่มเฟือย ก็มีไปใช้บ้าง อันนี้ไม่ต้องโกหก ถ้าอยากจะไปก็ไป ไปเลยไม่ต้องบอก มารู้ทีหลังก็ไม่ได้โกรธ"
ลิฟท์ : "คือเราอยากจะเปิดใจคุยกับเขาทุกเรื่อง บางทีเราไป เราไม่อยากจะโกหก เขาไม่ชอบให้โกหก เราต้องบอกตรง ๆ พอดีเพื่อนมาไปกับเพื่อน ถึงแล้วนะ ขึ้นแล้วนะ อะไรอย่างนี้"
หญิง : "อันนี้คือโชคดีอย่างหนึ่ง เรารู้จักนิสัยเขามากพอสมควรว่าเขาเป็นคนแบบไหน ไปซื้อกินดีกว่าไปมีเป็นตัวเป็นตน อันนี้บอกตั้งแต่แต่งงานแล้ว ยังไงก็แล้วแต่มีเป็นตัวเป็นตนไม่เอา ซื้อกินไปเลย ทุกวันนี้เขาแอบไป เราไม่รู้ก็โอเค"
ที่มา : รายการคุยแซ่บShow