ก่อนบินไปกัวลาลัมเปอร์มาเลเซีย สามสาวงามมิสยูนิเวิร์ส 2022 ทำภารกิจจักรวาลส่งท้าย โดยเป็นการเยี่ยมชมวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ท่ามกลางบรรยากาศชุ่มฉ่ำของสายฝน โดยทั้งสามสาวมิสยูนิเวิร์สอยู่ในชุดไทย “สยามวิจิตรรัตนาภรณ์” นับว่าเป็นอัตลักษณ์ของชาติ ที่สื่อถึงความเป็นไทย จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุดไทยประจำชาติให้กับ Miss Universe
โดยครั้งนี้ “ภูษาผ้าลายอย่าง” ได้นำเสนอ ความงามของรอยยิ้มสยาม ผ่านสีสันของพัสตราภรณ์ ที่สดใส รื่นเริง เปรียบกับเมื่อใครได้เห็นรอยยิ้มสยามต้องชื่นชอบและชื่นชม ในความร่างเริงของคนไทย ซึ่งรูปแบบของการแต่งกายเป็นการแต่งกายตามอย่างโบราณ กล่าวคือ การนุ่งห่ม ที่เย็บทีละส่วน ใช้ฝีมืออันประณีต พิถีพิถัน ในการแต่งกาย ซึ่งได้นำแนวคิดจาก “ชุดไทยจักรพรรดิ์” อันสง่างาม มาปรับให้เข้ากับสาวงาม ชุดทั้งสามชุด จึงนุ่งผ้าผืนตามขนบโบราณ โดยมิได้ตัดเย็บ แล้วตรึงเข้ากันให้เป็นชุดอย่างงดงาม
โดย ทั้งสามคนมีการนุ่งห่ม เป็นส่วนประกอบ 4 ส่วน คือ
ผ้านุ่ง เป็นผ้าเขียนลายทอง “ลายสร้อยบุษบาบรรณ” และผ้าลายอย่าง ลายเกาะแก้วสุทธารมย์ , ลายอรุโณทัย อันมีกระบวนการทำนับแรมเดือน กว่าจะได้ผ้านุ่งสัก1ผืน
ผ้าสไบ เป็นผ้าหน้าแคบ ทำจากผ้าไหม สีสดสวย นำมาอัดจีบ ให้ได้เป็นกลีบงดงาม ห่มไว้ด้านใน
ผ้าสะพัก ผ้าอันมีกระบวนลายวิจิตรตระการตา สื่อถึงภูมิปัญญาของช่างชาวไทย ที่สั่งสมเป็นมรดกทางปัญญา ปักด้วยโลหะที่เรียกว่า ดิ้นข้อ ดิ้นโปร่ง ประดับด้วยปีกแมลงทับ และอัญมณี
ถนิมพิมพาภรณ์ เป็นงานสลักดุนโลหะสกุลช่างเมืองเพชรบุรี และสกุลช่างทองหลวง ฝังอัญมณีสีต่างๆ
ชุดไทยเดิมเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติไทย มีประวัติความเป็นมาและเอกลักษณ์อันยาวนาน โดยสามารถแต่งกายได้ทุกเพศทุกวัย โดยผู้ชายจะสวมเสื้อราชปะแตนหรือเสื้อพระราชทาน นุ่งโจงกระเบน และสวมรองเท้า ส่วนการแต่งกายของผู้หญิงจะห่มสไบหรือสวมเสื้อปัด และนุ่งผ้าถุงหรือโจงกระเบน ชุดไทย จึงเปรียบเสมือนการสื่อถึงความงดงามที่สืบทอดภูมิปัญญาจากบรรพชน มาจวบจนปัจจุบัน