นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วประเทศ 103,039 ล้านบาท ขยายตัว 20.1% ซึ่งสูงสุดในรอบ 17 ปีนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีเงินสะพัดทะลุแสนล้านบาท โดยเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศ 57,491.80 ล้านบาท และต่างประเทศ 2,945.66 ขณะที่กิจกรรมอื่นๆ มีมูลค่ารวม 60,334 ล้านบาท อาทิ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ , ซื้อของขวัญ และ ทำบุญ
โดยการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจกลับมาคึกคัก และประชาชนมีความสุขกับงานเทศกาลในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับต้นปีหน้าจะยังได้รับอานิสงส์ จากมาตรการช้อปดีมีคืน และ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่คาดว่าจะอนุมัติได้ก่อนสิ้นปีนี้ ทำให้ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นกว่า 60,000 บาท จะส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ขยายตัวเพิ่ม 0.1 ถึง 1% จะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ขยายตัวได้ 3.5%
ทั้งนี้เมื่อดูรายละเอียดของ ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย ของผู้บริโภค ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จำนวน 1,345 ตัวอย่างทั่วประเทศ จะพบว่า ประชาชนเลือกใช้จ่ายให้กับตัวเองและผู้อื่น 69.8% โดยการใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการสังสรรค์ จัดเลี้ยง ,ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ , ทำบุญทางศาสนา และ พบว่ามีการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น ซึ่งขวัญที่นิยมซื้อ ยังเป็นกระเช้าของขวัญ , เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย
ขณะที่ คำอวยพรที่อยากอวยพรให้ประเทศไทย ส่วนใหญ่ 90.9% ขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาลิณี สิริพัชร มหาวัชราชธิดา ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน 84.9% ขอให้พระราชินีในรัชกาลที่ 9 และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพระพลามัยแข็งแรง 80.4% ขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น 78.5% ขอให้การเมืองมีเสถียรภาพ 76.1% ขอให้คอร์รัปชั่นหมดไป
สำหรับของขวัญที่ต้องการจากรัฐบาล 37.6% ต้องการปฏิรูปภาครัฐปราบปรามการทุจริตรัฐบาลควรมีความโปร่งใสในการตรวจสอบ , 26.7% อยากได้มาตรการ คนละครึ่ง และ 12.9% ต้องการให้ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ