ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. วัฒนพงษ์ คุโรวาท ระบุ แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2565 คาดว่าจะความต้องการพลังงานขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 2,056 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2564 สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปี 2565 การใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการผลิตภายในประเทศที่ลดลง และผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน
สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2566 โดยคาดว่าจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 2.7% จากความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ โดยการใช้น้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2% ก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1.8%
สำหรับสถานการณ์พลังงานในช่วง 9 เดือนของปี 2565 การใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น 11.4% ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นในเกือบทุกประเภทพลังงาน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในส่วนของน้ำมันเครื่องบินมีการใช้เพิ่มขึ้นถึง 80% จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ สำหรับการใช้ไฟฟ้ามีการใช้เพิ่มขึ้นในเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ
สาขาธุรกิจ เพิ่มขึ้น 11.6% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งการที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ให้บุคลากรกลับไปทำงานที่สำนักงานตามปกติหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย และแนวโน้มความต้องการพลังงานในปี 2566 ยังคงมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคการส่งออก สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและอนุญาตให้มีการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศจีน