การประกาศขอปรับขึ้น ค่าโดยสาร รถไฟฟ้าบีทีเอส ของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จำนวน 24 สถานี จากราคา 16 - 44 บาท ปรับเป็น 17 - 47 บาท ซึ่งยังไม่เกินอัตราค่าโดยสารสูงสุดตามสัญญาสัมปทาน ที่อยู่ในระดับ 21.52 - 64.53 บาทนั้น
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากรายได้ของบริษัท BTSC ที่ยังมีรายได้จากทางอื่นมาทดแทน ค่าโดยสาร อาทิ รายได้จากการประกอบพื้นที่ เชิงพาณิชย์ บริเวณชั้นจำหน่ายตั๋ว , รายได้จากการโฆษณา รายได้จากการอนุญาต ให้เอกชนก่อสร้างทางยกระดับ เพื่อเชื่อมต่อกับสถานี และ อาคารบุคคลภายนอก
ทำให้กรุงเทพมหานคร เห็นว่าบริษัทฯ ยังมีความสามารถ ที่จะตรึงราคาค่าโดยสารไว้ได้ จึงส่งหนังสือ ขอความร่วมมือ ให้ทบทวนและ ชะลอการปรับ ค่าโดยสาร ออกไปก่อน เพื่อลดผลกระทบค่าใช้จ่าย ของประชาชน ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังคงซบเซา
ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัท BTSC มีความพยายามที่จะ ขอปรับขึ้นค่าโดยสาร ในอัตราดังกล่าวมาแล้ว รวม 2 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งแรกได้ ส่งหนังสือแจ้ง ถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อ เดือนสิงหาคม 2565 แต่ถูกขอให้ชะลอออกไป และ ครั้งที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งบริษัทฯ ชี้แจงว่า การขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากมีต้นทุน จากการดำเนินโครงการที่สูงขึ้น แต่เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน บริษัทฯ จะชะลอการปรับค่าโดยสาร ไปจนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2565 และ จะบังคับใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป แต่ถูก กรุงเทพมหานคร ขอให้ชะลอ การปรับขึ้นอีกครั้ง