21 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา "ราชกิจจาฯ " เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. ๒๕๖๕
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้าง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๑๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. ๒๕๖๕"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้าง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๑๔ สายบ้านพร้าว - คลองห้า ตอนบางเตย - บ้านพร้าว
มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดห้าปี
มาตรา ๕ เขตที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำ บลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำ บลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีส่วนแคบที่สุดสี่ร้อยเมตร และส่วนกว้างที่สุดหนึ่งพันหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายใน แนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ ให้เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดิน ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๗ ให้กรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน
มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
คลิกอ่านฉบับเต็ม >>>>
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "การเวนคืนที่ดิน" ในพื้นที่หลายตำบลของอำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี ครั้งนี้ เพื่อดำเนินโครงการขยายถนนและก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการประเมินค่าเวนคืนครั้งนี้ รวม 4.5 พันล้านบาท
สำหรับ "ถนนสายสะพานสามโคก" หรือชื่อทางการ ทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมถนนวงแหวนด้านตะวันตก-จุดตัดถนนสาย 347 ไปสิ้นสุดที่จุดตัดถนนวงแหวนด้านตะวันออก ระยะทาง 14.347 กม. ใช้งบประมาณดำเนินการ 9,590 ล้านบาทหรือเกือบหมื่นล้านบาท
ปัจจุบันโครงข่ายการจราจรสายหลักในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่เป็นการให้บริการการเดินทางในทางทิศเหนือ - ใต้ ไม่ได้ให้บริการการเดินทางในทางทิศตะวันออก - ตะวันตก
โดยต้องใช้ระบบโครงข่ายถนนสายรองและสายย่อยในพื้นที่ ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง การเสริมโครงข่ายการจราจรสายหลักทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินโครงการเชื่อมโยงถนนสายหลักฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9
เมื่อพิจารณาโครงข่ายการจราจรในพื้นที่พบว่าปัจจุบันเป็นแนวเส้นทางเดิมของทางหลวงหมายเลข 3214 ซึ่งวางตัวในแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก ที่มีศักยภาพจะเป็นถนนสายหลักได้ จึงเป็นเหตุผลที่จะพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อผ่านเส้นทางดังกล่าว เพื่อเชื่อมโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์และเป็นการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ และเป็นไปตามกรอบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายถนนภายใต้แผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
2. กรมทางหลวงจึงมีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยการเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3214 สายบางเตย – คลองเจ็ด ตอน บางเตย – บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้มีมาตรฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน รวมทั้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องได้มาโดยแน่ชัด
3. กรมทางหลวงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3214 สายบางเตย – คลองเจ็ด ตอน บางเตย – บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี มีจุดเริ่มต้น ที่ กม.0+000 – กม.9+358 รวมระยะทาง 9.358 กิโลเมตร วงเงินการก่อสร้าง 4,740 ล้านบาท มีปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ ประกอบด้วยที่ดินประมาณ 461 แปลง สิ่งปลูกสร้างประมาณ 267 ราย ต้นไม้ยืนต้นประมาณ 187 ราย ค่าทดแทนและค่าเสียหายอื่น ๆ และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด รวมค่าทดแทนในการเวนคืน รวมเป็นเงินประมาณ 4,467,620,000 บาท
4. กรมทางหลวงได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบกับโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงแผ่นดินสายดังกล่าว ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว
5. สำนักงบประมาณแจ้งว่า จะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแล้ว