svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อัปเดตสถานการณ์

"กองทัพ" จับตาเที่ยวบิน "เบลารุส-พนมเปญ" ย้ำหากมีเหตุผิดปกติพร้อมปฏิบัติการทันที

"กองทัพ" จับตาเที่ยวบิน "เบลารุส-พนมเปญ" ย้ำหากมีเหตุผิดปกติพร้อมปฏิบัติการทันที ขณะ ทบ. เผย ยังไม่มีละเมิดหยุดยิง ชี้ชาวกัมพูชาที่เคยอยู่บ้านหนองจาน กลับเข้าพื้นที่ไม่ได้ เหตุขัดแถลงการณ์ที่ร่วมลงนามกันไว้

28 ธันวาคม 2568 พลอากาศเอก ประภาส  สอนใจดี ผู้อำนวยศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ภายหลังทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) วานนี้ (27 ธ.ค.68) โดยจะดำเนินการตามมาตรการหยุดยิง และกลับมาดำเนินการต่างๆ ร่วมกัน

 

ตามที่ได้ลงนามในแถลงการณ์การประชุม เพื่อเปลี่ยนท่าทีจากการสู้รบและการยั่วยุกัน ไปสู่การใช้เวทีทางการทูตและกลไกระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดตามแถลงการณ์ จะนำไปสู่การปฏิบัติโดยมีกลไกควบคุมและมีการตรวจสอบ โดยเฉพาะกรณีที่มีการใช้อาวุธเกิดขึ้นหลังการหยุดยิง จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน เพื่อรายงานไปที่หน่วยงานระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากมีการใช้อาวุธทำอันตรายต่อประชาชนไทย ไทยก็ยังคงมีสิทธิ์ในการตอบโต้และป้องกันตนเองอย่างเต็มที่

"กองทัพ" จับตาเที่ยวบิน "เบลารุส-พนมเปญ" ย้ำหากมีเหตุผิดปกติพร้อมปฏิบัติการทันที

 

พลอากาศเอก ประภาส ยังได้ย้ำและยืนยันให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า จากการข่าวต่างๆในขณะนี้ ยังไม่มีภัยคุกคามใดๆ เกิดขึ้น จึงขอให้อย่าลือและวิตกกังวลกันไปก่อน เนื่องจากบรรยากาศกำลังเข้าสู่ช่วงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และนำไปสู่สันติสุขที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งสองประเทศ

ด้าน พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา อย่างใกล้ชิด โดยตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวานนี้ ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่ประมาท และเฝ้าติดตามสถานการณ์ในทุกจุดตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

 

ทั้งนี้ จากกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ที่ตั้งข้อสังเกตถึงข้อที่ 4 ของแถลงการณ์ร่วม ที่อนุญาตให้ประชาชนทั้งสองฝ่าย สามารถเดินทางกลับบ้านเรือนได้นั้น และประชาชนฝ่ายกัมพูชาที่เคยอาศัยในพื้นที่บ้านหนองจาน ต้องการเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ที่ไทยควบคุมนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากแถลงการณ์ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า การเดินทางกลับเข้าที่พักอาศัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย จะต้องอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของแต่ละประเทศ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับข้อ 2 ของแถลงการณ์ ว่าพื้นที่ปัจจุบันคือพื้นที่ที่ทหารวางกำลังไว้ ดังนั้นในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยได้ควบคุมไว้แล้วก็ถือว่าเป็นเขตแดนของไทย ชาวกัมพูชาจึงไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามายังพื้นที่ดังกล่าวได้อีก

 

 

ส่วนการเดินทางกลับเข้าที่พักอาศัยของคนไทย

 

นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานว่าจำนวนประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงน้อยลง แต่หน่วยงานราชการยังไม่มีคำสั่งให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัยได้ เนื่องจากจะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ยืนยันว่าขณะนี้ ศูนย์พักพิงยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และมีการดูแลประชาชนเช่นเดิม จึงขอให้ประชาชนรออีกระยะหนึ่ง เพื่อให้การเดินทางกลับบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัย และจะมีมาตรการเยียวยาตามมา พร้อมกันนี้ ภายหลังที่เดินทางกลับถึงที่พักอาศัย ขอให้ประชาชนสำรวจที่พักอาศัย บ้านเรือน และพื้นที่การเกษตร หากพบความผิดปกติหรือความเสียหาย ให้แจ้งหน่วยงานในพื้นที่โดยทันที เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนอย่างปลอดภัย

 

ส่วนกรณีมีเครื่องบินลำเลียงจากเบลารุส เที่ยวบิน EW505 ที่เดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชานั้น

 

นาวาอากาศโท ณัฐนัย จันทร์เปล่ง ผู้ช่วยโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้ติดตามตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามเหตุการณ์ที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง โดยทุกหน่วยยังคงความพร้อมปฏิบัติการทันทีตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชนและอธิปไตยของประเทศ

 

ด้านเพจ Army military force ระบุว่า เมื่อเวลา 11:00 น. วันนี้ (28 ธันวาคม 2568) เครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ (Cargo) Boeing 747-4FTF (400F) ของสายการบิน Air China ได้ลงจอด ณ สนามบินนานาชาติเตโช จังหวัดกันดาล โดยมีรายงานว่าเที่ยวบินดังกล่าวบินตรงมาจากนครเซี่ยงไฮ้ มุ่งหน้าสู่พนมเปญ 

ในเวลาต่อมา รัฐบาลจีนได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ได้จัดส่ง "ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉิน" ให้แก่รัฐบาลกัมพูชา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก