
21 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมืองสุรินทร์ นายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีสดุดีและส่งร่างทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทย กลับสู่ภูมิลำเนาอย่างสมเกียรติ
โดยก่อนพิธีส่งร่างทหารกล้า นายอนุทิน ได้พบปะญาติ แสดงความเสียใจและให้กำลังใจญาติและครอบครัวของทหารทั้ง 2 นายที่มารอรับร่างเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลและทอดผ้าบังสุกุล ก่อนที่จะเคลื่อนร่างทหารกล้าทั้ง 2 นายคือ
2 ทหารกล้า วีรชนที่พลีชีพปกป้องอธิปไตยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปตามเป้าหมายเกือบครบถ้วนแล้ว สิ่งที่ขอมากที่สุดคือไม่อยากให้เกิดการสูญเสียกำลังพลไปมากกว่านี้ ขอให้จ่าสิบเอก สำเริง และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เป็นทหารกล้าชุดสุดท้ายที่เราต้องสูญเสีย
“ผมขอสดุดีและสำนึกในความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของท่านทั้งสอง ที่ได้ปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานคนไทยทุกคน สำหรับครอบครัวของทหารที่พลีชีพ รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งสิทธิประโยชน์ ค่าชดเชย และการตอบแทน จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์อย่างเป็นธรรม ความเสียสละของทหารกล้า จะไม่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายจำเริญ แหวนเพ็ชร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พลตรีไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ส่วนราชการและกำลังพลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ทหารผ่านศึก รวมถึงประชาชนชาวไทย ได้ร่วมพิธีสดุดีและส่งร่างทหารกล้ากลับภูมิลำเนาอย่างสมเกียรติ
โดยมณฑลทหารบกที่ 25 ได้อำนวยการจัดขบวนส่งร่าง เคลื่อนย้ายออกจากโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ไปยังภูมิลำเนาของทหารทั้ง 2 นาย เพื่อทำพิธีทางศาสนาและรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป
พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ได้กล่าวถึงภาพรวมเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชาว่า ขณะนี้ทั้งไทยและกัมพูชายังมีการตอบโต้กันอยู่ ส่วนผู้อพยพตามศูนย์พักพิงต่างๆทางรัฐบาลมีการดูแลเต็มที่ รัฐบาลอยากให้มีความปลอดภัยสูงสุด แต่ในเรื่องด้านการทหารนั้น ทางกองทัพสามารถยึดพื้นที่ทางการทหารได้ทั้งหมดแล้ว หวังว่าชีวิตของ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน และพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา น่าจะเป็นรายสุดท้ายที่เราสูญเสีย หลังจากนี้เราก็มีการเฝ้าระวัง ตั้งมั่นในพื้นที่ที่เราได้เข้าไปยึดครองไว้ได้ และผลักดันให้ฝ่ายตรงข้ามได้ถอนกำลังกลับไปที่ตั้งของเขา ก็หวังว่าคงไม่มีการปะทะที่รุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ประเทศไทยของเราได้ยืนยันอย่างมั่นคง ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายที่ผิดข้อตกลงหยุดยิง ประเทศไทยของเราไม่เคยเป็นผู้รุกรานประเทศเพื่อนบ้านเลย
ดังนั้น ในเมื่อวันนี้เราสามารถยึดครองพื้นที่ต่างๆ ของเราที่ถูกลุกล้ำเข้ามา วันนี้ก็กลับเข้าสู่ในการสถาปนาความมั่นคงอธิปไตยของไทยกลับคืนมา ถ้าจะให้มีการหยุดการปะทะกัน ก็คือหยุดยิง หยุดคุกคาม หยุดรุกรานประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นในด้านกองกำลัง ทางด้านอาวุธ หรือแม้กระทั่งล่าสุดในเรื่องของโดรนที่เข้ามา เราไม่อยากทำอะไรให้มากไปกว่านี้ เราไม่ต้องการเห็นความสูญเสียใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเราหรือฝ่ายกัมพูชา
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เกรงว่าการหยุดการปะทะ จะเป็นการต่อเวลาให้กับฝ่ายตรงข้าม นายกรัฐมนตรี บอกว่า เรื่องนี้ต้องมีการดำเนินการต่างๆที่ทำให้เรามั่นใจ ว่าจะไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอีก ยังไม่ให้ใครเข้ามาเป็นตัวกลาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวบ้านไม่อยากให้เจรจาแล้ว กลัวว่าจะเป็นการต่อเวลาให้กัมพูชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราไม่ได้เจรจา เราเข้าไปยึดทุกที่ที่มีการคุกคาม รุกราน เราก็ไม่ลังเลที่จะใช้แสนยานุภาพในการเข้าไปดำเนินการปกป้องอธิปไตยของเรา
นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ให้ใครมาเป็นตัวกลาง เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเรากับกัมพูชา ส่วนผู้อพยพตามแนวชายแดนยังคงให้อพยพ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อความปลอดภัย ส่วนที่มีชาวบ้านบางคนอยากกลับเข้ามาทำมาหากิน เพราะอพยพแล้ว 10 กว่าวัน ทางรัฐบาลก็ต้องดูแลเขาให้เต็มที่ ทั้งอาหารการกิน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะมีการพิจารณา เรื่องการเยียวยาต่อไป